“อัยการสูงสุด”เลื่อนฟังคำสั่งคดี”ทักษิณ”หมิ่นเบื้องสูง ตามมาตรา 112 และผิดพรบ.คอมฯ เป็นวันที่ 29 พ.ค.นี้ เหตุพนักงานสอบสวนส่งผลสอบสวนเพิ่มเติมไม่ครบถ้วนทุกประเด็น ยันเป็นกระบวนการปกติ ด้านทนาย"วิญญัติ"มั่นใจสู้คดีได้

เมื่อวันที่ 10 เม.ย.67 เวลา 09.00 น. นายประยุทธ เพชรคุณ รองอธิบดีอัยการ สำนักงานคดีพิเศษ ในฐานะโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด พร้อมด้วย นายณรงค์ ศรีระสันต์ อัยการพิเศษฝ่ายแผนช่วยเหลือทางกฎหมาย ,นายนาเคนทร์ ทองไพรวัลย์ อัยการจังหวัดประจำสำนักงานอัยการสูงสุด สำนักงานอัยการพิเศษฝ่ายคดีพิเศษ1 และนายจิตภัทร พุ่มหิรัญ อัยการประจำสำนักงานอัยการสูงสุด สำนักงานอัยการพิเศษฝ่ายคดีแพ่งกรุงเทพใต้3 ในฐานะรองโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด ได้ร่วมกันแถลงความคืบหน้าคดี นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ซึ่งถูกกล่าวหาตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 ว่า ในวันนี้อัยการสูงสุดยังมิได้มีความเห็นและคำสั่งทางคดี เนื่องจากพนักงานสอบสวนส่งผลการสอบสวนเพิ่มเติมตามที่อัยการสูงสุดมีคำสั่งยังไม่ครบถ้วน สำนักงานอัยการพิเศษฝ่ายคดีอาญา8 จึงให้เลื่อนนัดฟังคำสั่งไปในวันที่ 29 พ.ค.67 เวลา 09.00 น.


นายประยุทธ กล่าวอีกว่า จากกรณีเมื่อวันที่ 6 ก.พ.67 นายอำนาจ เจตน์เจริญรักษ์ อัยการสูงสุด ได้มีคำสั่งให้สอบสวนในคดีนี้เพิ่มเติม เพื่อให้สิ้นกระแสความ และได้ให้พนักงานสอบสวนส่งรายงานการสอบสวนเพิ่มเติมมาภายในวันที่10 เม.ย.นั้น เมื่อวานนี้พนักงานสอบสวนได้ส่งผลการสอบสวนเพิ่มเติมมาเพียงบางประเด็นเท่านั้น ยังไม่ครบถ้วนทุกประเด็น ดังนั้นอัยการสูงสุดจึงเลื่อนการฟังคำสั่งในคดีนี้ไปเป็นวันที่ 29 พ.ค.67 เวลา 09.00 น. ซึ่งช่วงเย็นวานนี้เวลา 16.00 น. ได้แจ้งไปยังนายทักษิณแล้วว่าผลการสอบยังไม่ครบถ้วน และวันนี้นายทักษิณไม่ได้เดินทางมาที่อัยการสูงสุดเพื่อรับทราบคำสั่ง แต่ได้มอบอำนาจให้ผู้รับมอบอำนาจมารับทราบคำสั่งดังกล่าวแล้ว 
นายประยุทธ กล่าวยืนยันว่า กรณีการเลื่อนฟังคำสั่งนั้น มี 2 กรณี คือเกิดจากเรื่องเพราะเหตุจากหน่วยงานราชการ และเลื่อนเพราะเหตุปัจจัยของฝ่ายผู้ต้องหาที่จะมารับทราบนัด ซึ่งกรณีในวันนี้เป็นเหตุขัดข้องจากหน่วยงานราชการที่งานของกระบวนการยุติธรรมยังไม่แล้วเสร็จ ยืนยันว่าเป็นกระบวนการปกติ สำหรับประเด็นที่อัยการสูงสุดได้สั่งสอบเพิ่มเติมนั้น ยังคงไม่สามารถเปิดเผยละเอียดได้ แต่มีความคืบหน้าไปแล้วกว่าร้อยละ 70 - 80 ซึ่งเป็นการสอบถ้อยคำเพิ่มเติมกับบุคคลที่เกี่ยวข้อง และที่อยู่ระหว่างดำเนินการอีกร้อยละ 30 นั้น เป็นการดำเนินการด้านเอกสาร หรือด้านอื่นๆเกี่ยวกับผู้ที่มีความรู้ความเชี่ยวชาญต่างๆ หากพนักงานสอบสวนได้ส่งประเด็นการสอบสวนเพิ่มเติมครบถ้วนก่อนวันที่ 29 พ.ค.นี้คาดว่าไม่น่าจะมีเหตุขัดข้องให้ต้องเลื่อนการฟังคำสั่งในคดีออกไปอีก


 ผู้สื่อข่าวถามว่า หากมีการส่งผลสอบสวนเพิ่มเติมครบถ้วนเเล้ว อสส.จะสั่งคดีได้ทันวันที่ 29 พ.ค.หรือไม่ นายประยุทธ กล่าวว่า ตนไม่อาจก้าวล่วงดุลพินิจอัยการสูงสุดได้ แต่ด้วยนโยบายหลักปฏิบัติของอัยการสูงสุดที่ทำมาตลอด คือมีการทำงานที่เร่งรัดทุกคดีและเป็นธรรมโดยเฉพาะคดีนอกราชอาณาจักรที่มีคณะทำงานที่มีความรู้ความสามารถคดีจะไม่ล่าช้าแน่นอน แต่ยังไม่สามารถตอบได้ว่าจะทันครบในนัดหมายครั้งต่อไปหรือไม่


เมื่อถามถึงวันนัดฟังคำสั่งนัดหน้าหากนายทักษิณยื่นคำร้องขอความเป็นธรรมเข้ามาอีกสามารถทำได้หรือไม่ นายประยุทธ กล่าวว่า ตามระเบียบของสำนักงานอัยการสูงสุดผู้ต้องหาสามารถยื่นคำร้องขอความเป็นธรรมรวมถึงผู้เสียหายและผู้เกี่ยวข้องในคดีแต่เป็นดุลพินิจของอัยการจะมองว่าเป็นประเด็นเดิมหรือเป็นการประวิงหรือไม่ ถ้าเป็นก็สั่งยุติได้ทุกอย่างอยู่ภายใต้หลักการ 


ด้าน นายณรงค์ ศรีสันต์ อัยการพิเศษฝ่ายแผนช่วยเหลือทางกฎหมาย กล่าวว่า สำหรับแนวทางการปฏิบัติของผู้ต้องหาหลังจากทราบวันนัดต่อไปแล้ว ผู้ต้องหาจะต้องมารายงานตัวด้วยตนเอง หากไม่มาต้องยื่นคำร้องเพื่อขอเลื่อนการรับฟังคำสั่งของพนักงานอัยการ พร้อมแสดงเหตุผลความจำเป็นเพื่อให้อัยการใช้ดุลยพินิจว่ามีเหตุควรอนุญาตให้เลื่อนหรือไม่ หากไม่มีจะให้พนักงานสอบสวนออกหมายจับเพื่อมาฟังคำสั่งคดีต่อไป นอกจากนี้หากการสั่งคดีของอัยการยังไม่สามารถทำได้เนื่องจากกระบวนการทางกฎหมายเช่น การสอบสวนเพิ่มเติมไม่แล้วเสร็จ ผู้ต้องหาสามารถมอบหมายให้นายประกัน ญาติ หรือทนายความ เพื่อมารับฟังคำสั่งเลื่อนของอัยการได้ ซึ่งเหมือนกับผู้ต้องหามาขอเลื่อนด้วยตนเองแต่หากภายหลังมีการผิดนัดผิดสัญญาประกัน ก็สามารถดำเนินการบังคับตามสัญญาประกันได้


ขณะที่ นายวิญญัติ ชาติมนตรี ทนายความของ นายทักษิณ ชินวัตร ผู้ต้องหามาตรา 112 ได้เปิดเผยว่า ตนในฐานะทนายความได้รับอำนาจ เพื่อมารับทราบคำสั่งของอัยการ โดยเมื่อ 19 ก.พ.ที่ผ่านมา นายทักษิณได้มารายงานตัวและอัยการได้ปล่อยชั่วคราวไปตามที่เป็นข่าว ซึ่งอัยการได้ขอเลื่อนนัดไปวันที่ 29 พ.ค.นี้ เพื่อฟังคำสั่งอีกครั้ง เมื่อถามว่าการเลื่อนสั่งคดีนี้ได้มีการประสานงานกับทางอัยการล่วงหน้าหรือไม่


นายวิญญัติ กล่าวว่า ปกติคดีอาญาทั่วไปผู้ต้องหาหรือทนายต้องประสานกับอัยการล่วงหน้า 1 วัน ว่าในนัดครั้งนี้ อัยการจะสั่งหรือไม่ ถ้านัดสั่งฟ้องก็ต้องเตรียมหลักทรัพย์มายื่นประกัน หากมีเหตุอื่นที่ยังไม่สามารถสั่งฟ้อง ท่านก็จะแจ้งเรามา ทางผู้ต้องหาจะมาเองหรือจะมอบอำนาจให้นายประกันหรือทนายความมาแทนก็ได้ ส่วนในเรื่องคดีแม้ว่าตนจะเป็นทนายความดูแลแต่จะขอไม่ลงรายละเอียดในการต่อสู้คดี เพราะเป็นความลับประกอบกับ อัยการสูงสุดได้สั่งสอบเพิ่มเติมซึ่งมีรายละเอียดอยู่หลายประการ ส่วนไหนที่เกี่ยวข้องกับผู้ต้องหาเราก็ให้การเพิ่มเติมไป หากเกี่ยวกับพยานคนอื่นหรือพยานคนกลางก็เป็นเรื่องของพนักงานสอบสวนกับอัยการที่จะมอบหมาย ในรายละเอียดเราไม่ทราบและขออนุญาตไม่เปิดเผยไม่ลงรายละเอียดทั้งหมด หากพูดไปอาจกระทบคดี


ส่วนครั้งหน้าถ้ามีการสั่งฟ้องเราก็มาตามนัด และก็ไปปรากฏตัวที่ศาล เราก็มีหน้าที่ขอปล่อยชั่วคราว ตามอัตราที่ศาลกำหนดไว้ แต่ถ้าอัยการสูงสุดหรือรองอัยการสูงสุดได้รับมอบหมายไม่ฟ้อง ก็ถือว่าคดีนั้นเสร็จสิ้นไป เป็นไปตามระเบียบของอัยการอยู่แล้ว
ผู้สื่อข่าวถามถึงความมั่นใจในการแก้ข้อกล่าวหาในคดีนี้ นายวิญญัติ กล่าวว่า ความมั่นใจนั้นบอกเป็นเปอร์เซ็นต์หรือตัวเลขไม่ได้แต่เราขอต่อสู้ตามสิทธิ์ พยานหลักฐานและตามข้อกฎหมาย ซึ่งมี 2 ข้อกล่าวหาคือ พ.ร.บ.คอมพิเตอร์ฯ กับความผิดมาตรา 112 เราต้องต่อสู้ว่าเข้าองค์ประกอบความผิดหรือไม่ ต้องมีข้อเท็จจริงที่ค่อนข้างครบถ้วน ถ้าไม่ครบถ้วนเราก็เสนอให้อัยการสูงสุด ถ้าท่านเห็นว่ามีประโยชน์ทำให้การสอบสวนครบถ้วนและต้องเป็นธรรม ท่านก็จะให้สอบเพิ่มเติม ก็อย่างที่เห็นท่านให้สอบเพิ่มเติม ตนก็พูดได้เท่านี้เพราะไม่สามารถลงรายละเอียดคดีได้
ผู้สื่อข่าวถามถึงนายทักษิณตอนนี้เป็นอย่างไรบ้าง นายวิญญัติ กล่าวว่า ในเรื่องคดีท่านก็มั่นใจอยู่แล้วเพราะท่านไม่มีเจตนา ส่วนการใช้ชีวิตก็ปกติตามปุถุชน ท่านก็เป็นคนชรา มีอาการบาดเจ็บและได้รับการรักษา ขั้นตอนต่อไปท่านก็ต้องดูแลตัวเอง
สำหรับคดีนี้เป็นผลสืบเนื่องจากการให้สัมภาษณ์สื่อต่างประเทศของนายทักษิณ เมื่อวันที่ 21 พ.ค.58 ณ กรุงโซล ประเทศเกาหลีใต้ ซึ่งนำไปสู่การแจ้งข้อกล่าวหาคดี มาตรา 112 และร่วมกันนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ใดๆ อันเป็นเท็จตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ 
โดย อสส.มีความเห็น เห็นควรสั่งฟ้อง เมื่อวันที่ 19 ก.ย.59 ตามที่พนักงานสอบสวนเสนอมา แต่เนื่องจากผู้ต้องหาหลบหนี อสส.จึงให้พนักงานสอบสวนดำเนินการออกหมายจับ และได้รับอนุมัติหมายจับโดยศาลอาญา กระทั่งต่อมานายทักษิณกลับประเทศไทย ทางอธิบดีอัยการ สำนักงานการสอบสวน ได้เข้าแจ้งข้อกล่าวหา และข้อเท็จจริงทางคดีกับนายทักษิณ ขณะพักรักษาตัวอยู่ที่รพ.ตำรวจ ชั้น 14 เมื่อวันที่ 17 ม.ค.67 ซึ่งนายทักษิณให้การปฏิเสธ และทำหนังสือร้องขอความเป็นธรรมต่อ อสส.ด้วย