หนังสือพิมพ์สยามรัฐ ขายข่าวขายความจริงให้ประชาชนคนไทยได้อ่านมาอย่างต่อเนื่องยาวนานที่สุดในประเทศไทยฉบับนี้ ประจำวันพุธที่ 10 เมษายน 2567 ท่ามกลางกลิ่นอายสงกรานต์ ที่มาพร้อมกับกลิ่นอายสงครามการเมืองไทย ...*...
วันหยุดยาวสงกรานต์ไทย กำลังจะเริ่มในอีกสองวันข้างหน้า เป็นวันหยุดยาวให้คนไทยได้ฉลองสงกรานต์กันอย่างเต็มคราบ โดยเริ่มตั้งแต่ วันศุกร์ที่ 12 ถึง วันอังคารที่ 16 เมษานี้ ในขณะที่ เช้าวันนี้ เป็นวันที่ นายทักษิณ ชินวัตร เจ้าของอำนาจตัวจริงเสียงจริง จะเดินทางไปสำนักงานอัยการสูงสุด เพื่อ ฟังคำสั่งอัยการสูงสุด ว่า มีความเห็นอย่างไร กับ หนังสือขอความเป็นธรรม ใน คดีความผิด ม.112 ที่ อดีตอัยการสูงสุด ท่านหนึ่ง มีความเห็น ไว้ว่า สมควรสั่งฟ้องไปแล้ว ผลของคำสั่งจะออกมาอย่างไร จะเป็นการชี้ชะตาการเมืองไทย ว่า ทิศทางการเมืองไทยจะเป็นอย่างไร ...*...
ดูตามรูปคดีแล้วหาก อัยการสูงสุด มีความเห็น สั่งฟ้อง เท่ากับยกคำร้องตกไป นายทักษิณ ชินวัตร จะอยู่ในฐานะ ผู้ต้องหาในคดีอาญา ที่ ต้องขอยื่นประกันตัวเอง ในชั้นศาล ต่อสู้คดีกันยืดยาวต่อไป และก็เป็นไปได้อย่างมากว่า อัยการสูงสุดจะเลื่อนนัดฟังคำสั่งออกไป เนื่องจาก คำร้องขอความเป็นธรรม จากผู้ต้องหา นายทักษิณ ชินวัตร มีการ อ้างพยานหลักฐานเพิ่มเติม เป็นเหตุให้ ยังสอบพยานหลักฐานเพิ่มใหม่ไม่แล้วเสร็จ ...*...
แต่ที่ดูเหมือน นายทักษิณ ชินวัตร ผู้ต้องหา จะมั่นใจ ว่า สั่งไม่ฟ้อง ตามคำร้องขอความเป็นธรรม ถึงกับกำหนดวันเดียวกัน คือวันนี้ให้ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ที่ไม่เข้าร่วมประชุม ครม.พรรคเพื่อไทย ทุกสิบโมงเช้าวันจันทร์ที่ผ่านมา มาเป็นประธานการประชุมบอร์ดดิจิทัล วอลเล็ต ชุดใหญ่ เพื่อที่ จะเดินหน้าแจกเงินดิจิทัล 560,000 ล้านบาทต่อไป ...*...
หาข่าวประสา บารอน ได้ความมาว่า จะไม่ใช้ พ.ร.บ.เงินกู้ 560,000 ล้านบาท ที่ เสี่ยงต่อการผิดกฎหมาย โดยหันไป ใช้เงินงบประมาณแทน โดย เริ่มจากงบประมาณปี 67 ที่เพิ่งเสร็จหมาดๆ หลังจากดึงเช็ง ให้ล่าช้าไปเจ็ดเดือน เพื่อ ที่จะมีเวลาใช้งบประมาณ 3.48 ล้านล้านบาท ให้สั้นลง แค่ 5 เดือน จะทำให้ แต่ละกระทรวงทบวงกรมใช้เงินไม่ทัน ประมาณว่า เหลือจะเอามาใช้ในโครงการแจกเงินดิจิทัล วอลเล็ต ก้อนแรก ไม่น้อยกว่าหนึ่งแสนล้านบาท ...*...
เงินก้อนที่สอง มติ ครม. สัปดาห์ที่แล้ว ให้เพิ่มงบประมาณขาดดุลอีก 150,000 ล้านบาท จากเดิม งบขาดดุล 713,000 ล้านบาท จึงเท่ากับ งบประมาณขาดดุล ปี 68 จะสูงถึง 865,000 ล้านบาท ซึ่งจะทำให้ หนี้สาธารณะพุ่งขึ้นไปถึง 66.93% ใกล้จะชนเพดานที่ 70 % …*…
ก้อนที่สาม สุดท้าย ที่ยังขาดอยู่ 310,000 ล้านบาท เข้าตำราเดียวกับคดีจำนำข้าว ไปยืมเงินจาก 3 แบงก์รัฐ ไล่ตั้งแต่ ธนาคารออมสิน ธนาคารเพื่อการเกษตรฯ และ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ กำหนดให้ เป็นหนี้ผูกพัน โดย ใช้เงินงบประมาณในปี 69 เป็นการเอาเงินอนาคตมาใช้ ทั้งๆที่ไม่รู้อนาคตข้างหน้าว่าจะยังอยู่หรือเปล่า...*...
เป็นทั้งหมากบังคับเดิน และ เป็นทั้งการบริหารประเทศสไตล์นายใหญ่ คือ การหมุนเวียนผลัดเปลี่ยนกันนั่งเก้าอี้รัฐมนตรี สำหรับ 7 เดือน ของ รัฐบาลเพื่อไทย ที่ถึงเวลาแล้ว ต้องปรับรัฐมนตรีเพื่อไทย ส่วน พรรคร่วมรัฐบาลจะปรับด้วยหรือไม่ ประสา บารอน นอนยัน มีการปรับรัฐมนตรีตามแห่ไปด้วยแน่นอน โดยเฉพาะ พรรคพลังประชารัฐ และ พรรครวมไทยสร้างชาติ ต้อนรับเปิดเทอม ...*...
ในส่วนของ พรรคเพื่อไทย ที่นี่ บารอน มองไปที่ นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ น่าจะ ถูกตัดออกบัญชีรัฐมนตรีช่วยคลัง และให้คนใหม่มานั่งแทน นายเผ่าภูมิ โรจนสกุล เจ้าของโครงการแจกเงินดิจิทัล วอลเล็ต ตัวจริงเสียงจริง ตามมาด้วยเต็งหาม ที่จะถูกปรับออกจากเก้าอี้ดนตรี นายไชยา พรหมา รมช.เกษตรฯ “เจ๊แจ๋น” พวงเพ็ชร ชุนละเอียด รมต.ประจำสำนักนายกฯ แม้แต่ นายเกรียง กัลป์ตินันท์ รมช.มหาดไทย ก็ไม่มีคำว่ายกเว้น แต่ยังโชคดี เหลือเก้าอี้ สส. ที่ ลืมลาออก ไว้ให้นั่งในสภาฯ ...*...
เริ่มเห็นแสงสว่างที่ปลายอุโมงค์ เมื่อ งบประมาณปี 67 กำลังจะนำออกมาใช้ได้แล้ว คือ กลุ่มผู้รับเหมากรมทางหลวง ตั้งแต่ รายใหญ่จนถึงรายเล็กรายน้อย ไล่กันเป็นงูกินหาง จากผลกระทบงบประมาณไม่แล้วเสร็จ เป็นเวลา 7 เดือนที่ ภาครัฐไม่มีงบประมาณใช้ ต้นทางน้ำไม่ไหล ปลายทางก็แล้งตาย ...*...
ทำดีก็ต้องชม กรมบัญชีกลาง ที่ วางตารางให้หน่วยงานภาครัฐ โดยเฉพาะ กรมทางหลวง อย่าถ่วงเวลา เร่งดำเนินการจัดฮั้ว เอ้ย จัดประมูลได้แล้ว ณ บัดนี้ จะได้มีการเซ็นสัญญาก่อสร้างภายในเดือนมิถุนายนนี้ เพื่อ จะได้มีเงินงบประมาณสนับสนุนการก่อสร้าง 15 % เป็นทุนหมุนเวียน ผ่อนชำระหนี้ธนาคาร (แค่บางส่วนเท่านั้น ยืดเวลาการถูกยึดเครื่องจักร) ...*...
แต่ที่ บารอน อยากเห็น ผู้รับเหมา ไม่ใช่ รอแต่เงินสนับสนุนก่อสร้าง 15 % เพื่อ เป็นทุนหมุนเวียน และ ชำระหนี้ธนาคาร เท่านั้น เหมือนเป็นการจับเสือมือเปล่า หลังจากพ้นวิกฤติครั้งนี้แล้ว กรมทางหลวง ควรจะ กำหนดกฎเกณฑ์ ไว้ในคุณสมบัติผู้เข้ายื่นประมูล ต้องมีธนาคารรับรองเงินทุนหมุนเวียนการก่อสร้างตามมูลค่างานก่อสร้าง ไม่ใช่รอแต่เงินหลังเซ็นสัญญา 15 % ซึ่งมันไม่เพียงพอ ที่จะเป็นหลักประกันได้ว่าจะไม่ทิ้งงาน
ที่มา:บารอน (10/4/67)