เมื่อเวลา 21.30 น. วันที่ 9 เม.ย. นายธสรณ์อัฑฒ์ ธนิทธิพันธ์ เลขาธิการคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.)นำกำลังชุดปฏิบัติการพิเศษ สคบ. จำนวน 20 นาย เข้าตรวจค้นร้านจำหน่ายบุหรี่ไฟฟ้า ตั้งอยู่ที่ห้องเช่าไม่มีเลขที่ ซอยรัชดาภิเษก 36 แยก 9-3 แขวงจันทรเกษม เขตจตุจักร กรุงเทพฯ พบภายในร้านมีตู้โชว์จำหน่ายบุหรี่ไฟฟ้าและน้ำยาจำนวนหลายรายการ จากการตรวจสอบบัญชีในเครื่องคอมพิวเตอร์พบว่า มียอดขายต่อเดือนสูงถึง 1,200,000 บาท เจ้าหน้าที่จึงทำการตรวจยึดบุหรี่ไฟฟ้าและน้ำยา และบัญชีรายรับดังกล่าวไปตรวจสอบ นอกจากนี้ยังทำการเข้าตรวจค้นร้านจำหน่ายบุหรี่ไฟฟ้าบริเวณภายใน ซอยรัชดาภิเษก 36 หรือซอยเสือใหญ่อีก 2 แห่ง

ภายหลังนายธสรณ์อัฑฒ์ ธนิทธิพันธ์ เลขาธิการ สคบ. เปิดเผยว่า ตามนโยบายของนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี กำชับให้ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งปราบปรามการจำหน่ายบุหรี่ไฟฟ้าผิดกฎหมาย โดยนางพวงเพ็ชร ชุนละเอียด รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ได้เร่งสั่งการให้ทาง สคบ.ดำเนินการ ตนจึงได้ทำการจัดเจ้าหน้าที่จำนวน 20 นาย เข้าตรวจค้นและตรวจยึดร้านจำหน่ายบุหรี่ไฟฟ้าผิดกฎหมาย จำนวน 3 แห่ง ยึดของกลางได้ 6,000 กว่าชิ้น รวมมูลค่า 1,500,000 บาท มีโทษตาม คำสั่งคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค 9/2558 เรื่อง ห้ามขายหรือห้ามให้บริการสินค้า บารากู่ บารากู่ไฟฟ้า หรือบุหรี่ไฟฟ้า หรือตัวยาบารากู่ น้ำยาสำหรับเติมบารากู่ไฟฟ้าหรือบุหรี่ไฟฟ้า มีโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี ปรับไม่เกิน 1 ล้านบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

เลขาธิการ สคบ.กล่าวว่า ทั้งนี้สำหรับการจับกุมร้านจำหน่ายบุหรี่ไฟฟ้าจะต้องมีการขยายผลไปยังถึงเจ้าของร้าน เพราะส่วนใหญ่ที่จับกุมได้เป็นเพียงลูกจ้าง แต่การกระทำผิดเปรียบเสมือนเป็นตัวการมีโทษเท่ากับเจ้าของร้าน  เพราะฉะนั้นจากนี้จะต้องขยายผลการจับกุมไปถึงเจ้าของร้านทั้ง 3 แห่ง โดยประสานกับทางตำรวจ สน.พหลโยธิน เพื่อจับกุมตัวผู้กระทำความผิดทั้งเครือข่าย

นายธสรณ์อัฑฒ์ กล่าวว่า ปัจจุบันในหมู่เด็กและเยาวชนมีการใช้บุหรี่ไฟฟ้าอย่างมาก เพราะมีกลิ่นสร้างแรงจูงใจทำให้คนอยากลองสูบ ทั้งที่บุหรี่ไฟฟ้ามีอันตรายต่อสุขภาพ มีสารนิโคตินสูงกว่าบุหรี่ทั่วไป ทั้งนี้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเกี่ยวกับการนำเข้าจะต้องประสานกัน ร่วมกันทำงาสเพื่อลดการนำเข้า ปราบปรามไม่ให้บุหรี่ไฟฟ้านำมาจัดจำหน่ายได้ และให้ความรู้เกี่ยวกับเด็กและเยาวชน เตือนภัย ให้ความเข้าใจเพื่อเป็นการป้องกัน