“นายกฯ”แจงสถานการณ์ในเมียนมาเป็นเรื่องละเอียดอ่อน ต้องคำนึงหลายฝ่าย  “ปานปรีย์”ยันไทยเป็นกลาง ไม่มีชักศึกเข้าบ้าน เผยเตรียมแผนรับผู้อพยพชาวเมียนมา 1 แสนคน ยันเครื่องบินเมียนมาจอดที่ไทยเป็นเครื่องบินพาณิชย์ขอลงตามปกติ ไม่มีอาวุธ-กำลังพล-เจ้าหน้าที่ 

ที่ทำเนียบรัฐบาล เมื่อวันที่ 9 เม.ย.67 นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรมว.คลัง กล่าวถึงสถานการณ์ในประเทศเมียนมาที่มีการเปลี่ยนแปลงไป ถึงเวลาแล้วหรือไม่ที่จะต้องมีการพูดคุยกับกลุ่มต่างๆ ว่า ตามที่ นายปานปรีย์ พหิทธานุกร รองนายกฯรัฐมนตรี และรมว.ต่างประเทศ ได้แถลงก่อนการประชุมคณะรัฐมนตรี เราต้องมีการทำงานกัน ต้องยอมรับว่าข้อมูลการเจรจาเป็นเรื่องละเอียดอ่อน ต้องคำนึงถึงหลายๆ ฝ่าย


ด้าน นายปานปรีย์ พหิทธานุกร รองนายกฯ และรมว.ต่างประเทศ ให้สัมภาษณ์ว่า ขณะนี้ยังไม่ได้รับรายงานว่ามีชาวเมียนมาเข้ามาในไทยในจำนวนที่เยอะ มีเพียงประปรายจากที่เคยเดินทางเข้ามาอยู่แล้วส่วนเครื่องบินโดยสารจากเมียน 1 ลำ ลงจอดที่ท่าอากาศยานนานาชาติแม่สอด ถือเป็นปกติที่ขอมาจอดเป็นประจำ โดยเฉพาะเครื่องบินที่เป็นเครื่องบินพาณิชย์ไม่ใช่เครื่องบินทหาร เมื่อขออนุญาตมาแล้วเป็นเรื่องที่ถูกต้อง กระทรวงการต่างประเทศก็ออกใบ clearance เพื่อให้สายการบินบินมาในประเทศไทยได้ ยืนยันได้ว่าไม่มีอาวุธ ไม่มีกำลังพล ไม่มีทหาร และเดิมที่จะเดินทางเข้ามา ก็ขอยกเลิกไป ไม่ได้เดินทางเข้ามา ดังนั้นเหลือแต่เอกสารทางราชการที่ส่งกลับไป
“วันนี้นายกฯ ได้เชิญฝ่ายความมั่นคงเข้ามา เพราะมีความเป็นห่วงว่าหากสถานการณ์รุนแรงขึ้นทางประเทศไทยจะเตรียมสถานการณ์รองรับได้อย่างไรบ้าง โดยวันนี้ได้รับรายงานว่าปัจจุบัน มีการเตรียมแผนรองรับแล้ว น่าจะรับได้ประมาณ 1 แสนคน เข้ามาในที่ปลอดภัยชั่วคราว ก็มีคำถามต่อไปว่าถ้ามีจำนวนคนเข้ามามากกว่าแสนคนจะทำอย่างไร ผู้รับผิดชอบก็แจ้งว่าสามารถที่จะดำเนินการได้ ซึ่งขณะนี้กำลังติดต่อกับต่างประเทศด้วยว่าหากเกิดความรุนแรงแล้วมีคนเข้ามาเป็นหลักแสนเราจะดำเนินการในเรื่องนี้อย่างไร ซึ่งประเทศไทยไม่อยู่ในวิสัยที่จะดำเนินการได้โดยลำพัง ก็ต้องเชิญชวนต่างประเทศเข้ามาร่วม”


สำหรับกรณีให้เครื่องบินมาจอดจะเป็นการชักศึกเข้าบ้านหรือไม่นั้น นายปานปรีย์ กล่าวยืนยันว่า ไม่มี เพราะไม่ใช่เครื่องบินทหาร เป็นเครื่องบินพลเรือนของเมียนมา ปกติก็บินเข้า-ออกประเทศไทยอยู่แล้ว ตนคิดว่าไม่มีประเด็นอะไรเลยเรื่องของการชักศึกเข้าบ้าน และถามทางกองทัพก็มีความพร้อม ในกรณีที่อาจจะมีการล่วงละเมิดน่านฟ้า ว่าจะดำเนินการอย่างไร


ผู้สื่อข่าวถามถึงจุดยืนของประเทศไทยถึงสถานการณ์ที่เกิดขึ้นนั้น รมว.ต่างประเทศ กล่าวว่า ประเทศไทยมี ความเป็นกลางอย่างแน่นอน และเรามีความประสงค์ให้เกิดสันติสุขและเกิดความสงบเรียบร้อยในเมียนมา เพราะไทยได้รับผลกระทบมากและเราได้เริ่มทำในบางส่วนแล้ว แต่เมื่อมีการสู้รบกันมากขึ้น ก็จะต้องหาทางที่จะทำให้เกิดการเจรจา เพื่อให้การสู้รบยุติลง เพื่อให้เกิดการพูดคุยกันมากขึ้น