ชุมพร ศึกสายเลือดพี่ชายยิงน้องชายแขนทะลุ กระสุนหวิดโดนลูกเมีย ปมหวงสูบน้ำในบ่อรดต้นทุเรียน ทั้งที่เคยตกลงกันแล้วว่าใช้ประโยชน์ร่วมกัน ซ้ำหนักตำรวจบอกให้ยอมความเจ้าตัวเอาเรื่องให้ถึงที่สุด
เมื่อวันที่ 8 เม.ย.67 ผู้สื่อข่าวได้เดินทางลงพื้นที่ไปพบนายสุนทร หรือ ศล อายุ 37 ปี อยู่บ้านเลขที่ 128 หมู่ 3 ตำบลนาโพธิ์ อ.สวี จ.ชุมพร พร้อมด้วยนางนารีรัตน์ อายุ 37 ปี สองสามีภรรยา อาชีพทำสวนทุเรียน โดยนายสุนทร สวมใส่ชุดผู้ป่วยสีฟ้า โดยมีภรรยาเดินลงมาด้วยกันจากตึกผู้ป่วยในโรงพยาบาลสวี มีบาดแผลถูกยิงด้วยอาวุธปืนเข้าบริเวณแขนซ้ายหัวกระสุนทะลุ หลังจากที่สองสามีภรรยาได้ร้องเรียนกับผู้สื่อข่าวว่า ถูกพี่ชายแท้ๆใช้อาวุธปืนยาวยิงได้รับบาดเจ็บ เกรงว่าจะไม่ได้รับความเป็นธรรมในเรื่องของคดีเนื่องจากได้ยินจากปากตำรวจว่าจะให้ผู้เสียหายยอมความ เพราะเห็นว่าเป็นพี่น้องกัน แต่ตนไม่ยอมจะเอาเรื่องให้ถึงที่สุด
จากการสอบถามสองสามีภรรยา เล่าว่า ปมปัญหาอยู่ที่เรื่องบ่อน้ำและเรื่องนี้ถึงโรงพักมาก่อนแล้ว โดยตนเองได้แจ้งให้ตำรวจฟังว่าเดิมพื้นที่ ที่ขุดบ่อน้ำเป็นที่ดินของพ่อนายสุนทร หรือศล แบ่งให้พี่ชายคนโตต่างมารดาเมื่อประมาณ 4-5 ปีก่อน โดยพี่ชายคนโตตกลงกับนายสุนทรว่าจะขุดบ่อน้ำไว้ใช้ประโยชน์ร่วมกัน แต่ค่าใช้จ่ายในการขุดบ่อจำนวน 2 บ่อนั้นนายสุนทรหรือศล เป็นคนออกค่าใช้จ่ายทั้งหมดประมาณ 4 แสนบาท
จนเมื่อ 2-3 เดือนก่อนพี่ชายต่างมารดาและผู้เป็นพ่อเริ่มมีปากเสียงทะเลาะกับนายสุนทร โดยไม่ให้นายสุนทรสูบน้ำในบ่อไปใช้รดต้นทุเรียนที่อยู่ห่างจากบ่อน้ำไปประมาณเกือบ 1 กิโลเมตร ตอนนั้นเรื่องถึงโรงพักเจรจากัน โดยนายสุนทรยันว่าถ้าไม่ให้ตนใช้น้ำต้องจ่ายเงินชดเชยคืนให้ตนบางส่วน ขอเป็นเงินจำนวน 3.5 แสนบาท จึงจะยอม ครั้งนั้นตำรวจช่วยเป็นคนกลางเจรจาโดยให้นายสุนทรยังใช้น้ำต่อได้ จนกว่าพี่ชายจะจ่ายเงินตามที่นายสุนทรเรียกร้อง และปัจจุบันก็ยังไม่มีการจ่ายเงินคืนให้นายสุนทรแต่อย่างใดจนมีปากเสียงกัน
ต่อมาเกิดเรื่องขึ้นอีกเมื่อวันที่ 6 เม.ย.เวลาประมาณ 10 โมงกว่า ลูกชายได้โทรศัพท์ไปบอกนายสุนทรว่ามีเรื่องทะเลาะกับปู่ขณะลงไปเดินเครื่องสูบน้ำ นายสุนทรจึงรีบขับรถมาจากบ้านพักพื้นที่บ้านห้วยทรายขาว ตำบลนาสัก อำเภอสวี โดยมีภรรยานั่งมาด้วย เมื่อมาถึงบ่อน้ำประมาณ 10 นาทีตนก็ถูกลอบยิงมาจากใต้ต้นไม้อีกฝั่งของบ่อน้ำห่างจากตัวนายสุนทรประมาณ 40-50 เมตร
นายสุนทรและภรรยา เล่าอีกว่า เสียงปืนดังขึ้นลักษณะคล้ายเสียงอาวุธปืน 2 กระบอก ติดต่อกันคืออาวุธปืนลูกซองและอาวุธปืนยาวลูกกรด จนเชื่อว่าคนร้ายต้องมี 2 คน หลังสิ้นเสียงปืน พบว่าตนถูกยิงเข้าที่บริเวณแขนซ้ายลูกกระสุนทะลุ ตนเองทำใจดีสู้เสือวิ่งไปที่รถส่งเสียงตะโกนเสียงดังว่า เอาปืนมา เพื่อข่มคนยิงแต่จริงแล้วตนไม่มีอาวุธปืน นายสุนทรกล่าว
นายสุนทรเล่าต่ออีกว่า ช่วงจังหวะที่คนร้ายยิงเข้ามานั้นมี ภรรยาและลูกชาย 2 คนอายุ 13 และ 17 ปี อยู่ตรงนั้นด้วยแต่เดชะบุญกระสุนไม่ถูกลูกเมีย นายสุนทร เผยว่าตนเองเห็นคนยิง คือพี่ชายแท้ๆพ่อแม่เดียวกันนั่นเองและไม่เชื่อว่าพี่ชายแท้ๆมาลงมือคนเดียว ซึ่งพี่ชายคนยิงไม่เคยมีเรื่องกันมาก่อนเลยและอยู่บ้านเดียวกันกับตนด้วยซ้ำ ก่อนเกิดเหตุประมาณ 4 วันลงมาอยู่ที่บ้านกับพี่ชายต่างมารดาคนที่มีเรื่องกัน แต่เหตุใดพี่ชายแท้ๆกลับมายิงตน ตนตั้งข้อสังเกตว่าอาจจะถูกพี่ชายต่างมารดาใช้ให้มายิงหรือไม่ หรือร่วมกัน
นายสุนทร ผู้บาดเจ็บ เล่าถึงการทำงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจในพื้นที่ว่า หลังเกิดเหตุทำไมไม่เรียกสอบพี่ชายต่างมารดาคนที่ตนมีปัญหาด้วยเพราะอาวุธปืนที่พี่ชายแท้ๆนำมายิงตนนั้นมี 2 กระบอก และตนเชื่อว่าเป็นของพี่ชายต่างมารดา และหลังเกิดเหตุทราบจากญาติว่ายังไม่เห็นเจ้าหน้าที่ลงพื้นที่ตรวจสอบที่จุดเกิดเหตุ หรือมาแล้วแต่ไม่เห็น เรื่องนี้ตนและครอบครับเกรงว่าจะไม่ได้รับความเป็นธรรมและเกรงว่าจะลอบถูกทำร้ายอีกเนื่องจากพี่ชายเคยขู่ว่าจะกลับมายิงอีก
ต่อมาเมื่อตอนสายวันเดียวกันหลังจากนายสุนทรออกจากโรงพยาบาลสวี พร้อมภรรยาลูกชายและญาติ ทั้งหมดเดินทางไปชี้จุดที่เกิดเหตุบริเวณบ่อน้ำขนาดใหญ่ลึกประมาณ 5 เมตร อยู่ริมถนนลูกรังสายช่องเขา-เขาเขียวหมู่ 3 ตำบลนาโพธิ์ และเดินทางต่อไปที่สภ.สวี พร้อมเผยกับผู้สื่อข่าวว่า มาติดตามผลคดีว่าเป็นอย่างไรเนื่องจากตนยังไม่ได้ให้ปากคำกับตำรวจนัดให้ตนมาคุยเห็นว่าจะให้ตนยินยอมพี่ชายจะไม่ถูกดำเนินคดี แต่ตนเองไม่ยอมจะดำเนินคดีให้ถึงที่สุด
ส่วนพี่ชายแท้ๆที่ยิงตนนั้นขณะนี้ถูกคุมขังอยู่ที่เรือนจำแล้ว และอยากให้ตำรวจหาพยานหลักฐานให้ถึงตัวพี่ชายต่างมารดาของตน เพราะเป็นคนต้นเหตุทั้งหมด ไม่ใช่จะสรุปคดีเพียงแค่คนยิงรับสารภาพและสอบอาวุธปืนมีที่มาที่ไปด้วย” นายสุนทร เปิดเผย
อย่างไรก็ตามขณะเดียวกันต้องรอคำชี้แจงจากเจ้าหน้าที่ตำรวจเจ้าของคดีอีกครั้งเพื่อให้ได้รับความเป็นธรรมด้วยกันทุกฝ่าย