กองทัพกะเหรี่ยงคาเรนนี โดย กองกำลังป้องกันชาติคาเรนนี KNDF และ PDF กำลังสู้รบอย่างหนักกับทหารเมียนมาในเมืองแผ่โข่ง , เมืองโมเบียรอยต่อรัฐคาเรนนีกับรัฐฉาน และเมืองผาซอง ตรงข้ามจ.แม่ฮ่องสอน โดยกองกำลังติดอาวุธคาเรนนีได้พยายามบุกเข้าโจมตีฐานที่มั่นของทหารเมียนมาอย่างหนักรวมไปถึงการใช้โดรนในการโจมตีฝ่ายเมียนมา

เมื่อวันที่ 8 เมษายน 2567 แหล่งข่าวผู้นำระดับสูงกองกำลังกะเหรี่ยงคาเรนนี KA เปิดเผยต่อผู้สื่อข่าว ถึงสถานการณ์การสู้รบในรัฐคาเรนนีล่าสุดเช้าวันนี้ ว่า กองกำลังติดอาวุธของคาเรนนี ได้แก่ กองกำลังป้องกันชาติคาเรนนี KNDF และ PDF กำลังสู้รบอย่างหนักกับทหารเมียนมาในเมืองแผ่โข่ง , เมืองโมเบียรอยต่อรัฐคาเรนนีกับรัฐฉาน และเมืองผาซอง ตรงข้ามจ.แม่ฮ่องสอน โดยกองกำลังติดอาวุธคาเรนนีได้พยายามบุกเข้าโจมตีฐานที่มั่นของทหารเมียนมาอย่างหนักรวมไปถึงการใช้โดรนในการโจมตีฝ่ายเมียนมา

โดยเฉพาะที่เมืองผาซอง ซึ่งอยู่ตรงข้ามอำเภอเมืองแม่ฮ่องสอน กองกำลัง KNDF และ PDF ได้เข้าโจมตีฐานที่มั่นทหารเมียนมา บริเวณหัวสะพานข้ามแม่น้ำสาละวิน หรือสะพานผาซอง ซึ่งเป็นค่ายทหารหลักของเมียนมา และถูกฝ่ายต่อต้านโจมตีต่อเนื่องมากว่า 2 เดือนแต่ยังไม่สามารถยึดได้ เนื่องจากค่ายดังกล่าวตั้งอยู่ในชัยภูมิสูงข่มและมั่นคงมาก โดยเมื่อเช้าวันนี้ ทาง กองกำลัง KNDF ได้ใช้โดรน จำนวน 1 ลำ บินโจมตีค่ายทหารเมียนมาดังกล่าวด้วยลูกระเบิด ค.81 มม.จำนวน 5 นัดสร้างความสูญเสียให้กับทหารเมียนมาอย่างหนัก โดยตั้งแต่มีการเข้าโจมตีค่ายของทหารเมียนมาดังกล่าว ทำให้มีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บเป็นจำนวนมาก คาดว่าในอีกไม่นานทหารเมียนมาที่ค่ายดังกล่าวจะยอมจำนน เนื่องจากบาดเจ็บขาดกำลังพลไปเป็นจำนวนมาก ประกอบกับถูกตัดเส้นทางส่งเสบียงบำรุงกำลังทุกด้าน

สำหรับเมืองผาซอง เป็นเมืองสำคัญที่จะมีการลำเลียงสินค้าจากชายแดนไทยส่งผ่านไปยังเมืองลอยก่อว์ เมืองหลวงของรัฐคาเรนนี ซึ่งมีทหารเมียนมาจำนวน 2 กองพันประจำการอยู่ ถึงแม้ว่าทหารเมียนมาจะไม่สามารถสกัดกั้นเส้นทางลำเลียงสินค้าได้ เนื่องจากต้องป้องกันฐานที่มั่นตนเอง แต่การตรวจการณ์เห็นขบวนรถบรรทุกสินค้าที่ผ่านเข้าไปในเมืองชั้นใน ทำให้หทารเมียนมามีการรายงานทางวิทยุไปยังหน่วยเหนือ ส่งผลให้มีการส่งเครื่องบินมาทิ้งระเบิดขบวนสินค้าและรวมไปถึงอาหารที่จะส่งไปให้ผู้พลัดถิ่นภายใน IDPs (Internally Displaced People) คือบุคคลที่ถูกบังคับให้หนีจากบ้านตนเองไปยังพื้นที่อื่นภายในประเทศของตน แตกต่างจากผู้ลี้ภัย ที่หลบหนีการทิ้งระเบิดจากทางการเมียนมาไปอาศัยอยู่ตามป่าในพื้นที่ต่าง ๆ ในรัฐคาเรนนี และอาศัยอยู่ในพื้นที่ที่เข้าถึงได้ยากต่อการมอบความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรม ส่งผลให้คนกลุ่มนี้เป็นหนึ่งในกลุ่มคนที่เปราะบางมากที่สุดในโลก

ในส่วนพื้นที่เมืองแผ่โข่งและเมืองโมเบีย เป็นพื้นที่รอยต่อระหว่างรัฐฉานกับรัฐคาเรนนี ทางด้านกองกำลังคาเรนนี ได้สนธิกำลังกับกลุ่มปาโอ PNLA ในการสกัดกั้นการเสริมกำลังภาคพื้น จากทหารเมียนมาในรัฐฉานที่จะเข้าสู่รัฐคาเรนนี ซึ่งในตรงจุดนี้ได้มีการสู้รบอย่างหนักเช่นกัน

 

สำหรับการสู้รบในพื้นที่ที่กล่าวมาข้างต้น ทางการเมียนมา ได้ส่งเครื่องบินขับไล่มาโจมตีฝ่ายต่อต้านอย่างหนักทุกวัน แต่เป้าหมายส่วนใหญ่กลับเป็นบ้านเรือนประชาชน มากกว่าค่ายทหารทำให้ประชาชนในเมืองต่าง ๆ ได้รับผลกระทบและพากันหลบหนีออกจากเมืองมุ่งหน้าลงทางทิศใต้มุ่งหน้ามาอาศัยอยู่ติดแนวชายแดนไทย เนื่องจากเป็นพื้นที่ปลอดภัยและทางการเมียนมาไม่กล้าทิ้งระเบิดในพื้นที่แนวชายแดนเนื่องจากกลัวว่าระเบิดจะตกใส่ราษฎรไทย และส่งผลกระทบต่อความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ