วันที่ 7 เม.ย. 2567 นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรมว.คลัง เดินทางตรวจราชการอำเภอเกาะสมุย จ.สุราษฎร์ธานี และจ.นครศรีธรรมราช ระหว่างวันที่ 6 – 8 เม.ย. โดยเมื่อช่วงค่ำวันที่ 6 เม.ย. นายกฯ พร้อมคณะได้เดินทางถึงอำเภอเกาะสมุย จ.สุราษฎร์ธานีและพักค้างคืน
ก่อนปฎิบัติภารกิจแรกวันที่ 7 เม.ย. เวลา 10.30 น. นายกฯ เดินทางด้วยรถยนต์โตโยต้าอัลพาร์ด ทะเบียน ขง 4 สุราษฎร์ธานี มาติดตามโครงการก่อสร้างท่าเทียบเรือสำราญขนาดใหญ่ (Cruise Terminal) ณ แหลมนิคม ตำบลตลิ่งงาม อำเภอเกาะสมุย จังหวัดสุราษฎร์ธานี โดยมี น.ส.สุดาวรรณ หวังศุภกิจโกศล รมว.ท่องเที่ยวและกีฬา นางมนพร เจริญศรี รมช.คมนาคม นายไชยา พรหมา รมช.เกษตรและสหกรณ์ ร่วมลงพื้นที่
นอกจากนี้ยังมี สส.สุราษฎร์ธานี พรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) ให้การต้อนรับ นำโดย น.ส.พิชชารัตน์ เลาหพงศ์ชนะ สส.บัญชีรายชื่อ และผู้อำนวยการพรรค นางสาวกานสินี โอภาสรังสรรค์ เขต 1 นายพิพิธ รัตนรักษ์ เขต 2 นางสาววชิราภรณ์ กาญจนะ เขต 3 นายพันธ์ศักดิ์ บุญแทน เขต 4 นายปรเมษฐ์ จินา เขต 5 และนายธานินทร์ นวลวัฒน์ เขต 7
เมื่อมาถึงนายกฯรับฟังบรรยายสรุปโครงการก่อสร้างท่าเทียบเรือสำราญขนาดใหญ่ จาก นายกริชเพชร ชัยช่วย อธิบดีกรมเจ้าท่า ซึ่งโครงการฯดังกล่าวจะเป็นการเปิดให้ภาคเอกชนร่วมลงทุน และเมื่อผ่านขั้นตอนต่างๆแล้ว คาดว่าจะใช้เวลาก่อสร้าง 3 ปี ตั้งแต่ปี 2570-2572 และเปิดให้บริการได้ในปี 2572 เพื่อเป็นการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานทางน้ำ จะสามารถรองรับนักท่องเที่ยว 180,000 คนต่อปี รองรับเรือ Cruise 120 เที่ยวเรือต่อปี นักท่องเที่ยวใช้จ่าย 5,000 บาทต่อคน
ทั้งนี้ระหว่างรับฟังบรรยายสรุป นายกฯ กล่าวแนะนำให้ เปิด Duty Free หลังจากที่ท่าเทียบเรือเสร็จเรียบร้อย เพื่อเป็นการบริการนักท่องเที่ยว สร้างรายได้ให้กับพี่น้องประชาชนในพื้นที่เกาะสมุย ทั้งภาคเกษตรและการท่องเที่ยว ทั้งนี้หากดูจากตัวเลขเรือสำราญที่เข้ามาตอนที่สูงสุดปี 2561 ประมาณ 74 ลำ ปีนี้ไตรมาสแรกครึ่งหนึ่งแล้ว จริงๆแล้วปีนี้น่าจะมีสถิติสูงสุด โดยพี่น้องชาวสมุยอยากให้มีนักท่องเที่ยวเข้ามา และในเรื่องของการทำลายธรรมชาติไม่มีใช่หรือไม่
นายกฯ กล่าวอีกว่า อยากให้โครงการดังกล่าวเข้า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ภายในสิ้นปี 2567 และตั้งเป็น KPI เพื่อเป็นของขวัญให้กับชาวจังหวัดสุราษฎร์ธานี ขณะที่นางมนพร กล่าวตอบรับทันทีว่า รับดำเนินการ
จากนั้นนายกฯ กล่าวอีกว่า สิ่งที่เกริ่นมาแล้วอยากให้มีเรื่องของมารีน่า (ท่าเทียบเรือสำราญ) ตรงนี้น่าจะทำได้ คิดว่าควรมี ซึ่งแถวนี้มีเกาะหลายเกาะ เหมาะกับการให้นักท่องเที่ยวมาเหมือนภูเก็ต สิมิลัน และอยากให้ทำเกี่ยวกับเรื่องเครื่องบินน้ำด้วย เพื่อบินจากเกาะต่างๆมาจุดนี้ได้ เพราะแถวนี้มีเกาะท่องเที่ยวหลายเกาะ ต้องทำให้ครบวงจร บริการนักท่อง เที่ยว เป็น top ten ของโลกด้วย ต้องทำให้ได้
ภายหลังรับฟังบรรยายสรุป นายกรัฐมนตรีได้เดินดูพื้นที่จริงในการก่อสร้างท่าเทียบเรือ และได้ถ่ายภาพร่วมกัน พร้อมกล่าวว่า การดำเนินโครงการอะไรก็ตามขอให้ฟังเสียงพี่น้องประชาชนก่อนทุกครั้ง ซึ่งเรื่องนี้ถือเป็นเรื่องสำคัญ ก่อนพูดคุยกับ สส. ในพื้นที่ และเรียกผู้ว่าการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย เข้ามาสั่งการ นายกฯระบุว่า การเดินทางมาของตนในครั้งนี้ไม่ใช่การพูดลอยๆ จะต้องมีจุดมุ่งหมายที่ชัดเจน และขอให้สส.ช่วยกันโปรโมทเกาะสมุย หลังการสร้างท่าเรือแล้วควรจะเชื่อมโยงการท่องเที่ยว ทั้งเรื่องของวัด แหล่งท่องเที่ยวอื่นๆ โดยร่วมมือกับทางการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย มีแผนแล้วเพราะระบุว่าสมุย
นายกฯ กล่าวว่า นอกจากเรทจะมี Sun (พระอาทิตย์) Sea ซี (ทะเล) และSand (ทราย) แล้ว ยังมีเรื่องของวัฒนธรรม ตนในฐานะนักท่องเที่ยวก็เชื่อว่าจะมีอย่างอื่นมาประกอบ เพราะเวลาคนมาเที่ยวอยากได้ท่องเที่ยวทุกๆด้าน ทั้งวัฒนธรรมอาหาร ภูมิทัศน์ ซึ่งอยากให้นักท่องเที่ยวมาอยู่ยาวมากขึ้น จำนวนคนที่มาไม่สำคัญเท่ากับระยะเวลาที่อยู่ หากอยู่นานก็จะใช้จ่ายมากขึ้น เศรษฐกิจพื้นเมืองจะดีขึ้น เมื่อเราลงทุนโครงสร้างพื้นฐานนับหมื่นล้านก็อยากให้นักท่องเที่ยวได้อยู่นานๆไม่ใช่มาแป๊บเดียวแล้วกลับ สส.ทุกคนต้องช่วยรัฐบาลตรงนี้ด้วย ร่วมมือกับภาคการท่องเที่ยว ฝากรัฐมนตรี สส.และผู้ว่าการท่องเที่ยวฯด้วย