“สมศักดิ์” แจงรัฐบาลให้ความสำคัญ พัฒนาจังหวัดชายแดนภาคใต้ ชี้ “นายกฯเศรษฐา” เยือนมาเลเซีย กระตุ้นการพัฒนาพื้นที่ชายแดนร่วมกัน ยันไม่ทอดทิ้ง โชว์ผลงานพัฒนาพื้นที่”การค้า-ถนน-ส่งเสริมอาชีพ” เผยคืบหน้าเยียวยาเหตุโกดังพลุระเบิดมูโนะ ช่วยเหลือผู้เสียชีวิต-บาดเจ็บ ครบแล้ว ส่วนบ้านพัง 649 หลัง ช่วยซ่อมแล้ว 531 หลัง-สร้างใหม่ 6 หลัง ย้ำกำลังเร่งรัดที่เหลืออย่างเต็มที่
วันที่ 6 เม.ย.67 นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รองนายกรัฐมนตรี เปิดเผยถึงความคืบหน้าการเยียวยาเหตุการณ์โกดังพลุระเบิด เมื่อวันที่ 29 กรกฎาคม 2566 ที่ตลาดมูโนะ อ.สุไหงโก-ลก จ.นราธิวาส หลังมีการอภิปรายสอบถามในที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรว่า เหตุการณ์โกดังพลุระเบิด ที่ตลาดมูโนะ เป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิต 11 ราย และบาดเจ็บ 389 ราย ซึ่งรัฐบาล ขอยืนยันว่า มีการช่วยเหลือและเยียวยาอย่างเร่งด่วน โดยมีการทำงานแบบบูรณาการทุกหน่วยงาน ทั้ง ศอ.บต. สำนักนายกรัฐมนตรี กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย สำนักงานยุติธรรมจังหวัด ซึ่งมีการเยียวยาครอบครัวผู้เสียชีวิต ครบแล้วทั้ง 11 ราย เมื่อวันที่ 26 สิงหาคม 2566 รายละ 315,700 บาท รวมเป็นเงิน 3,472,700 บาท ส่วนผู้บาดเจ็บ 389 ราย จังหวัดนราธิวาส ได้จ่ายเงินทดรองราชการ ในการช่วยเหลือตามความบาดเจ็บครบถ้วนแล้ว เมื่อวันที่ 25 ธันวาคม 2566
“ส่วนของบ้านเรือนที่เสียหาย จำนวน 649 หลัง ผมก็ได้ติดตามและเร่งรัดการซ่อมแซม โดยแบ่งเป็น เสียหายบางส่วน จำนวน 567 หลัง ซ่อมแซมเรียบร้อยแล้ว 531 หลัง ที่เหลืออยู่ระหว่างการซ่อมแซม คาดว่าจะแล้วเสร็จภายในเดือนกรกฎาคม 2567 เสียหายทั้งหลัง จำนวน 82 หลัง ก่อสร้างเสร็จแล้ว 6 หลัง ที่เหลือจะเร่งรัดให้เสร็จภายในธันวาคม 2567 ซึ่งระหว่างนี้ ทางอำเภอ เยียวยาโดยช่วยจ่ายค่าเช่าบ้าน ในอัตราเดือนละ 3,000 บาท ส่วนของตลาดค้าขายที่เสียหาย ก็เปิดให้ค้าขายชั่วคราว รวมถึงกรมโยธาธิการและผังเมือง ก็ยังได้เร่งฟื้นฟูปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐาน และระบบระบายน้ำพื้นที่บริเวณ ตลาดมูโนะ จำนวน 10 สายทางเรียบร้อยแล้ว จึงขอเน้นย้ำว่า รัฐบาลไม่ได้ปล่อยผ่าน โดยกำลังร่วมกันเร่งดำเนินการเพื่อช่วยเหลือประชาชนอย่างเต็มที่” รองนายกรัฐมนตรี กล่าว
นายสมศักดิ์ กล่าวอีกว่า ส่วนการพัฒนาจังหวัดชายแดนภาคใต้ ที่มีการอภิปรายว่า รัฐบาลไม่ได้ให้ความสำคัญนั้น ก็ขอยืนยันว่า รัฐบาล ให้ความสำคัญเป็นอย่างมาก โดยในฐานะที่ตนกำกับดูแล ศอ.บต. ก็ได้รับนโยบายจากนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ที่มีแนวความคิดมุ่งเน้นการพัฒนาเศรษฐกิจ เพราะเชื่อว่า เมื่อเศรษฐกิจฐานรากของประชาชนในจังหวัดชายแดนภาคใต้ดีขึ้น มีรายได้ที่มั่นคง ก็จะนำมาสู่การออกจากวิกฤตต่างๆ ของจังหวัดชายแดนภาคใต้ที่เผชิญอยู่ในขณะนี้ รวมถึง 6 เดือนที่ผ่านมา นายกรัฐมนตรี ก็ได้ดำเนินการเชื่อมความสัมพันธ์กับประเทศมาเลเซีย เพื่อส่งเสริมให้เกิดการพัฒนาพื้นที่ร่วมกันของทั้งสองประเทศด้วย ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่า รัฐบาลให้ความสำคัญต่อปัญหาของพี่น้องประชาชนในพื้นที่ภาคใต้เป็นอย่างมาก
นายสมศักดิ์ กล่าวอีกว่า ในฐานะประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์ด้านการพัฒนาจังหวัดชายแดนภาคใต้ (กพต.) ตนก็ได้เดินทางไปเยือนประเทศมาเลเซีย เพื่อหารือในรายละเอียดการพัฒนาพื้นชายแดนที่ร่วมกัน ทั้ง การพัฒนาการค้าชายแดน การพัฒนาด่าน สะเดา-ปาดังเบซาร์ ตากใบ-บูเก๊ะตา การก่อสร้างเส้นทางเชื่อมด่านสะเดาแห่งใหม่ กับด่านบูกิตกายูฮิตัม ของมาเลเซีย รวมถึงส่งเสริมเมืองคู่แฝดการพัฒนาทวินซิตี้ ส่งเสริมการลงทุน การจับคู่ธุรกิจ Business Matching การแก้ไขปัญหาความยากจน ด้วยการส่งเสริมการเลี้ยงสัตว์เศรษฐกิจ โค ปลานิลน้ำไหล ปูไข่ นกกรงหัวจุก โดยจะเห็นได้ว่า รัฐบาล ให้ความสำคัญ และเร่งพัฒนาพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้อย่างเต็มที่ ซึ่งขอยืนยันว่า ไม่มีการทอดทิ้งอย่างแน่ออน เพราะตนก็ได้ลงพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ เพื่อติดตามงาน และผลักดันโครงการอย่างต่อเนื่องอยู่แล้ว