“พ่อเมืองหนองคาย-ตร.” แถลงผลจับกุมผู้ลักลอบค้าเฮโรอีน ของกลางกว่า 22 กิโลกรัม มูลค่า 300 ล้านบาท ด้านผู้ว่าฯหนองคาย กำชับ บูรณาการฝ่ายความมั่นคง เฝ้าระวังในพื้นที่ชายแดนอย่างเข้มงวด โดยหากพี่น้องประชาชนพบเบาะแส แจ้งสายด่วนศูนย์ดำรงธรรม 1567 ทันที

วันนี้ (5 เม.ย. 67) นายสมภพ สมิตะสิริ ผู้ว่าราชการจังหวัดหนองคาย เปิดเผยว่า ตน และพล.ต.ท.สรายุทธ สงวนโภคัย ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 4 เป็นประธานในการแถลงผลการจับกุมตรวจยึดยาเสพติด ณ สถานีตำรวจภูธรท่าบ่อ ตำบลท่าบ่อ อำเภอท่าบ่อ จังหวัดหนองคาย โดยสามารถจับกุมผู้ต้องหาได้ 1 ราย พร้อมของกลางยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (เฮโรอีน) จำนวน 22.329 กิโลกรัม มูลค่ากว่า 300 ล้านบาท ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้นำตัวผู้ต้องหาส่งพนักงานสอบสวน สภ.ท่าบ่อ ดำเนินการตามกฎหมายแล้ว

นายสมภพ สมิตะสิริ ผู้ว่าราชการจังหวัดหนองคาย ได้กล่าวแถลงผลการจับกุมตรวจยึดยาเสพติดว่า การปฏิบัติการในครั้งนี้ จังหวัดหนองคายได้บูรณาการร่วมกับตำรวจภูธรภาค 4 ปปส.ภาค 4 และหน่วยงานความมั่นคงในพื้นที่ ดำเนินการปราบปรามผู้ค้ายาเสพติด และเครือข่ายยาเสพติดในพื้นที่ โดยทำการปิดล้อมตรวจค้น สกัดกั้น และดำเนินการจับกุมผู้ค้ายาเสพติดตามข้อมูลของแหล่งข่าว ซึ่งจังหวัดหนองคายได้สั่งการเน้นย้ำเจ้าหน้าที่ทุกฝ่ายดำเนินการตามกฎหมายอย่างเคร่งครัดต่อผู้กระทำผิด และหมั่น Re X-Ray เพื่อขยายผลการจับกุมและทลายเครือข่ายยาเสพติด เพื่อขจัดปัญหายาเสพติดให้หมดสิ้นไปจากสังคมไทย

นายสมภพ สมิตะสิริ ผู้ว่าราชการจังหวัดหนองคาย กล่าวต่อว่า การดำเนินการจับกุมผู้ต้องหาในครั้งนี้ ชุดสืบสวนตำรวจภูธรจังหวัดหนองคายได้สืบสวนขยายผลการจับกุมขบวนการค้ายาเสพติดข้ามชาติที่ส่งยาเสพติดไปยังสาธารณรัฐเกาหลี พบว่ามีต้นทางมาจากจังหวัดหนองคาย เกี่ยวเนื่องกับกรุงเทพฯ จนกระทั่งเมื่อวันที่ 2 เมษายน 2567 ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ทราบว่ามีการลักลอบส่งของผ่านบริษัทรับส่งสินค้าเอกชนรายหนึ่งในพื้นที่ อำเภอท่าบ่อ จึงได้ประสานงานกันเฝ้าระวัง

“ต่อมา พบนายสมพงษ์ พร้อมกล่องพัสดุ ภายในบรรจุครีมกันแดด กล่องสีเหลือง 111 กล่อง และกล่องสีเขียว 102 กล่อง แจ้งว่าจะนำไปส่งลูกค้าที่กรุงเทพฯ ซึ่งตรงกับข้อมูลที่เจ้าหน้าที่สืบทราบ จึงได้แสดงตัวเข้าตรวจสอบ พบยาเสพติดประเภทเฮโรอีนบรรจุในกล่องครีมกันแดด 213 กล่อง น้ำหนักรวม 22.329 กิโลกรัม มูลค่าซื้อขายในไทยประมาณ 10.8 ล้านบาท แต่หากเฮโรอีนจำนวนดังกล่าวถูกนำส่งต่อไปยังต่างประเทศสำเร็จจะมีมูลค่าสูงถึง 300 ล้านบาท จากการสอบสวนนายสมพงษ์ให้การรับสารภาพว่ามีผู้ว่าจ้างที่อยู่ฝั่ง สปป.ลาว จ้างให้ตนนำกล่องพัสดุไปส่งตามที่อยู่ที่ผู้ว่าจ้างให้ไว้ โดยให้เลือกใช้บริการขนส่งเอกชน ปลายทางไปกรุงเทพฯ ได้ค่าจ้างครั้งละ 4,000 บาท เจ้าหน้าที่แจ้งจึงข้อกล่าวหา มียาเสพติดให้โทษประเภท 1 (เฮโรอีน) ไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาตอันเป็นการกระทำเพื่อการค้าและเป็นการทำให้เกิดผลกระทบต่อความมั่นคงของรัฐหรือความปลอดภัยของประชาชนทั่วไป หลังจากนั้นจึงควบคุมตัวนายสมพงษ์พร้อมของกลางส่งพนักงานสอบสวน สภ.ท่าบ่อ เพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป” นายสมภพฯ กล่าวเพิ่มเติม

นายสมภพ สมิตะสิริ ผู้ว่าราชการจังหวัดหนองคาย กล่าวทิ้งท้ายว่า จังหวัดหนองคายได้ให้ความสำคัญในการป้องกัน ปราบปราม และเเก้ไขปัญหายาเสพติดซึ่งเป็นนโยบายสำคัญของรัฐบาล และกระทรวงมหาดไทย โดยให้ความสำคัญในทุกกระบวนการตั้งเเต่ต้นน้ำ กลางน้ำ เเละปลายน้ำ มุ่งดำเนินการปราบปราม จับกุม กดดัน ผู้ค้ายาเสพติดในพื้นที่อย่างต่อเนื่อง เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับประชาชนในพื้นที่ โดยบูรณาการกำลังทุกภาคส่วน ทั้งกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ชุด ชรบ. ในพื้นที่รวบรวมข้อมูล เฝ้าระวังในพื้นที่บริเวณชายแดน ให้ตรวจสอบอย่างเข้มงวด พร้อมทั้งประสานกำลังฝ่ายปกครอง และหน่วยงานความมั่นคงในพื้นที่ เข้าดำเนินการปราบปราม จับกุม ผู้ค้ายาเสพติด จึงขอให้พี่น้องประชาชนมั่นใจการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงที่จะนำความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินมาให้พี่น้องประชาชน ทั้งนี้ ขอความร่วมมือทุกภาคส่วนร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการปฏิบัติการทำสงครามกับยาเสพติด เเจ้งเบาะเเสผู้ค้า หรือเครือข่ายการกระทำผิด ได้ที่ช่องทางต่าง ๆ ของหน่วยงานภาครัฐ หรือศูนย์ดำรงธรรมจังหวัด/อำเภอ หรือสายด่วน 1567 เพื่อเจ้าหน้าที่จะได้ดำเนินการจับกุมผู้กระทำผิดมาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป