“รมว.อุตสาหกรรม” แจง“บิ๊กตู่”ใช้ม.44 ปิดเหมืองอัครา เหตุขัดแย้ง ยันผ่านความเห็นชอบจากหน่วยงาน ไม่ใช่ทำเพียงลำพัง
เมื่อวันที่ 4 เม.ย.2567 เมื่อเวลา17.45น. ที่รัฐสภา ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ที่มีนายพิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน รองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่2 พิจารณาญัตติขอเปิดอภิปรายทั่วไป เพื่อซักถามข้อเท็จจริงหรือเสนอแนะปัญหาต่อคณะรัฐมนตรี(ครม.) โดยไม่มีการลงมติ ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 152 ต่อเนื่องเป็นวันที่ 2
ต่อมาเวลา 20.00 น.น.ส.พิมพ์ภัทรา วิชัยกุล รมว.อุตสาหกรรม ชี้แจงถึงปัญหาเหมืองทองอัคราว่า การที่บริษัท อัคราได้กลับมาดำเนินกิจการเหมืองทองอีกครั้ง เพราะมีมาตรการเรื่องป้องกันผลกระทบสิ่งแวดล้อมอย่างถูกต้องตามขั้นตอนกฎหมาย ไม่มีการร้องเรียนของประชาชนในพื้นที่ คณะกรรมการแร่จึงอนุญาตให้บริษัทอัคราได้ใบอนุญาตคำขออาชญาบัตรพิเศษเพื่อสำรวจแร่ 44แปลง ที่ขอมาตั้งแต่ปี2546ต่อเนื่องถึงปี2548 ทุกอย่างได้มาถูกต้องตามกฎหมาย ไม่ได้เป็นไปตามข้อครหา ขณะที่การต่อสู้คดีที่รัฐบาลถูกบริษัทอัคราฟ้องนั้น กระทรวงอุตสาหกรรมตั้งคณะกรรมการต่อสู้คดีจากหลายกระทรวง ด้วยความรัดกุม รอบคอบ ซึ่งอนุญาโตตุลาการบอกว่า คุยกันได้อย่างไรให้มาเจรจากันว่า จะเดินหน้าต่อสู้คดี หรือเข้าสู่กระบวนการเจรจา การที่เลื่อนกระบวนการชี้ขาดทางคดีออกไป เนื่องจากเป็นความเห็นชอบร่วมกันทั้งสองฝ่ายให้เลื่อนคำชี้ขาดออกไป
“ทุกอย่างมีความคืบหน้าทางที่ดี เราไม่ได้เสียประโยชน์ใดๆ ขณะนี้ได้เงินค่าภาคหลวงจากการที่บริษัทอัครา กลับมาประกอบกิจการอีกครั้งไปแล้ว 358ล้านบาท กระบวนการทุกอย่างถูกต้องตามขั้นตอนตามกฎหมาย ไม่มีการเอาคดีความต่างๆไปแลกกับการเปิดเหมือง ส่วนการจะจัดการกับอดีตนายกฯที่ออกมาตรา 44 ปิดเหมืองอย่างไร ต้องให้ความเป็นธรรมกับการใช้มาตรา 44 เพราะมีความขัดแย้งที่อาจบานปลาย จำเป็นต้องใช้มาตรา44 ที่ผ่านความเห็นชอบจากหน่วยงานต่างๆ ไม่ได้ทำตามลำพัง ทำเพื่อป้องกันผลกระทบต่อสุขภาพประชาชน และรักษาความสงบเรียบร้อย”นส.พิมพ์ภัทรา กล่าว