หากกล่าวถึง “สงคราม การทหาร การต่อสู้ และแนวหน้า” แต่ไหนแต่ไรมา ก็ต้องบอกว่าเป็นเรื่องของ “บุรุษเพศ” หรือ “ผู้ชาย” เขา
ถึงขนาดมีคำกล่าวว่า มันเป็น “โลกของผู้ชาย (Man's World)”
ทว่า สำหรับ ณ ชั่วโมงนี้ ที่ประเทศยูเครน กลับปรากฏว่า บรรดาแม่หญิง หรือสุภาพสตรีทั้งหลาย ต่างพากันมาสมัครอาสาเป็นทหารหาญ พร้อมกับเข้ารับการฝึกฝนวิชาการทหาร ต่อสู้ยุทธวิธีในรูปแบบต่างๆ กันอย่างหนัก เพื่อเตรียมความพร้อมเข้าสู่แนวหน้าของสมรภูมิสงครามกันอย่างคึกคักไม่แพ้ผู้ชายอกสามศอกเลยทีเดียวก็ว่าได้ นอกเหนือจากที่พวกเธอ ต้องทำงานบ้าน งานครัว ตามคุณสมบัติของแม่บ้านทั่วไป
แบบเข้าทำนองไทยโบราณที่กล่าวว่า “มือก็ไกว ดาบก็แกว่ง” กันฉะนั้น
โดยปรากฏการณ์ที่บรรดาแม่หญิงชาวยูเครน แห่กันมาตบเท้าเข้าสู่กรมกองทหาร ก็มีขึ้นภายหลังจากบ้านเมืองของพวกเธอ ถูกรุกรานโดยปัจจามิตร นั่นคือ กองทัพรัสเซีย ที่ยกพลข้ามพรมแดนเข้ามารุกรานยูเครน ตั้งแต่วันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2022 (พ.ศ. 2565) เป็นต้นมา ภายใต้คำสั่งของประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ผู้นำรัสเซีย ด้วยข้ออ้างว่า เพื่อกวาดล้างลัทธินาซีใหม่ หรือนีโอนาซี ในยูเครน
สงครามที่ดำเนินมา 771 วัน นับถึงวันศุกร์ที่ 5 เมษายนนี้ ก็คร่าชีวิตทั้งทหารหาญ และประชาชนพลเรือนไปเป็นจำนวนมาก โดยทางฝ่ายรัสเซียนั้น ส่วนใหญ่ก็เป็นชีวิตของทหาร จำนวนหลายหมื่นนาย จนทางประธานาธิบดีปูติน ต้องออกกฤษฎีกาเรียกเกณฑ์ทหารเพิ่มเติมให้แก่กองทัพนับแสนนาย จนมีข่าวว่า ประชากรชายที่มีอายุอยู่ในช่วงเกณฑ์ทหาร ได้ลักลอบอพยพหลบหนีออกจากประเทศไปมิใช่น้อย ส่วนผู้เสียชีวิตที่เป็นพลเรือนจากสงคราม มีจำนวนไม่มากเท่าไหร่ เพราะสมรภูมิการรบอยู่ในดินแดนของยูเครนนั่นเอง ที่สูญเสียชีวิตของทหารหาญและพลเรือนไปเป็นจำนวนมาก นอกจากนี้ ยังมีที่ต้องอพยพทิ้งถิ่นฐานบ้านเรือน เพื่อหนีสงครามการสู้รบอีกจำนวนหลายล้านคน
อย่างไรก็ดี ในยูเครนแม้ประสบกับการสูญเสียกำลังพลของทหารหาญ แต่ปรากฏว่า ก็ได้รับการเติมเต็มจากบรรดาสุภาพสตรี หรือแม่หญิงทั้งหลาย ที่ขันอาสามาสมัครเป็นทหารกล้า เข้าสังกัดกรมกองต่างๆ และจำนวนไม่น้อย ที่ถูกส่งมายังแนวหน้า เพื่อปะทะกับกองทัพรัสเซียที่เป็นศัตรู แต่พวกเธอก็ไม่หวั่น
โดยการเข้าร่วมกองทัพของเหล่าแม่หญิงยูเครน ก็ใช่สักแต่ว่า แห่กันมาตบเท้าสวมเครื่องแบบ ยูนิฟอร์มของทหารหาไม่ ทว่า เข้ารับการฝึกฝนทั้งบุคคลท่ามือเปล่า และบุคคลท่าอาวุธ ตลอดจนยุทธวิธีต่างๆ เป็นอย่างดีอีกด้วย รวมไปถึงการใช้อาวุธยุทโธปกรณ์ต่างๆ แม้กระทั่งรถถัง ยานรบหุ้มเกราะต่างๆ เพื่อหวังไปประจัญบานกับกองกำลังของศัตรูผู้รุกราน
หรือไม่พวกเธอเหล่านั้น ก็เข้าไปสู่ประตูโรงเรียนเตรียมทหาร เพื่อเรียนรู้ทั้งภาคทฤษฎี และปฏิบัติ ของการเป็นทหารระดับสูงกันเลยก็มี
อาทิ เช่น การเข้ารับการศึกษาที่ “อีวานโบฮุน (Ivan Bohun)” โรงเรียนเตรียมทหารที่ตั้งอยู่ในกรุงเคียฟ เมืองหลวงของยูเครน เป็นต้น
ว่ากันถึง โรงเรียนเตรียมทหารแห่งนี้ ต้องถือเป็นโรงเรียนเตรียมทหารชั้นนำของยูเครน เพราะนายทหารระดับสูง ตลอดจนแม่ทัพ นายกอง ในกองทัพยูเครน ส่วนใหญ่ก็ล้วนแต่จบการศึกษา ผ่านการฝึกหลักสูตรทางการต่างๆ ณ สถาบันการศึกษาแห่งนี้
นอกจากทหารบกแล้ว ก็ยังมีแม่หญิงอีกจำนวนไม่น้อยเข้ารับการศึกษาทหารอากาศ หรือนายเรืออากาศ เพื่อหวังเป็นนักบินในฝูงบินขับไล่ ในการรณยุทธ์ทางอากาศ ป้องกันน่านฟ้าของประเทศอีกด้วย
พ.อ.ดมิโทร ยาร์โมเลนโก รอง ผบ.โรงเรียนเตรียมทหารอีวานโบฮุน กล่าวยกย่องบรรดาแม่หญิงที่มาเข้ารับการศึกษา ณ โรงเรียนเตรียมทหารที่เขาเป็นรองผบ.อยู่ว่า พวกเธอเหล่านั้นล้วนเฉลียวฉลาด และมีความพร้อมที่จะเผชิญหน้ากับปัญหาใหม่ๆ แถมยังมีความพร้อมที่เรียนรู้อะไรใหม่ๆ นอกเหนือจากที่พวกเธอ สามารถเข้ารับการฝึกฝนภาคสนามที่หนักหนาสาหัส ได้เช่นเดียวกับทหารชายเลยทีเดียว
ความสามารถในการฝึกฝนของทหารหญิงข้างต้น ยังได้รับการันตีจาก ร.อ. สวิตลานา เชมชุค ซึ่งเป็นทั้งอาจารย์ครูฝึก และเป็นผู้ดูแลโครงการนักเรียนทหารหญิงของโรงเรียนเตรียมทหารอีวานโบฮุน ที่ระบุว่า นักเรียนทหารหญิงที่มารับการศึกษาและรับการฝึกฝนทางการทหารเหล่านี้ มีความเป็นตัวของตัวเอง และทั้งความเฉลียวฉลาด รวมถึงมีความอดทนยิ่งกว่าผู้ชายด้วยซ้ำ แถมยังมีความยืดหยุ่นมากกว่าอีกด้วย
รอง ผบ.โรงเรียนเตรียมทหารอีวานโบฮุน ยังกล่าวด้วยว่า สตรีที่จบหลักสูตรทางการทหารของโรงเรียนไปนั้น สามารถเข้ารับตำแหน่งหน้าที่สำคัญๆ ของกองทัพได้ และยังแสดงบทบาทต่างๆ ในกองทัพได้อย่างหลากหลาย แตกต่างสมัยเมื่อช่วงก่อนเกิดสงครามรัสเซีย – ยูเครน ที่บทบาทหน้าที่ของทหารหญิงในกองทัพมีความจำกัด
โดยบทบาทหน้าที่ของทหารหญิงในกองทัพยูเครน ณ ปัจจุบัน ก็มีหลากหลายด้วยกัน อาทิ
การประจำการแบบทหารราบ ที่สามารถปฏิบัติภารกิจด้านลาดตระเวนตรวจการณ์ระยะไกล การเข้าจู่โจมภาคพื้นดิน การปฏิบัติภารกิจเป็นพลแม่นปืนซุ่มยิง หรือสไนเปอร์ ซึ่งจากการแสดงสมรรถภาพทางการรบ ในการปฏิบัติภารกิจเป็นสไนเปอร์ ปรากฏว่า ทหารหญิงของยูเครน สามารถใช้ปืนยาวไรเฟิล เป็นอาวุธโจมตียิงเป้าหมายที่อยู่ห่างออกไปได้หลายร้อยเมตร โดยสไนเปอร์ทหารหญิงยูเครนบางราย ก็มาจากพนักงานร้านเบเกอรีก็มี ก่อนผันตัวเองมาเป็นทหารหญิง และประจำการในบทบาทหน้าที่นี้ โดยมีรายงานว่า เธอปลิดชีพทหารรัสเซียไปแล้วหลายนายด้วยกัน
การเป็นทหารม้า ด้วยการประจำการบนรถถัง และยานรบหุ้มเกราะต่างๆ ของทางกองทัพยูเครน พร้อมเข้าประจัญบานกับกองทัพรถถังของรัสเซีย ที่เข้ามารุกราน
สำหรับ ตัวเลขจำนวนทหารหญิงที่ประจำการในเหล่าสังกัดกรมกองต่างๆ ของกองทัพยูเครน ล่าสุด ตามการเปิดเผยของกระทรวงกลาโหมยูเครน ระบุว่า มีจำนวนมากกว่า 43,000 นาย ซึ่งเป็นตัวเลขที่เพิ่มขึ้นจากเมื่อช่วงปี 2021 (พ.ศ.2564) ก่อนหน้าที่รัสเซียกรีธาทัพเข้ามารุกรานถึงร้อยละ 40 และมีแนวโน้มสตรีพลเรือนชาวยูเครนเรือน จะตบเท้าเข้าสู่กองทัพในฐานะทหารหาญ เพื่อต้านทานการรุกรานจากอริราชศัตรูกันมากขึ้นอีกด้วย