วันที่ 4 เม.ย.2567 เวลา14.45น. ที่รัฐสภา ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ที่มีนายปดิพัทธ์ สันติภาดา รองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่1 ทำหน้าที่ประธานการประชุม พิจารณาญัตติขอเปิดอภิปรายทั่วไป เพื่อซักถามข้อเท็จจริงหรือเสนอแนะปัญหาต่อคณะรัฐมนตรี(ครม.) โดยไม่มีการลงมติ ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 152 ต่อเนื่องเป็นวันที่2

โดยนายชวน หลีกภัย สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์(ปชป.) อภิปรายว่า ต้องขอชี้แจงก่อนว่าที่ตนลุกขึ้นมาอภิปราย ไม่ใช่ว่าประสงค์จะพูดเพื่อให้เห็นใจ เพื่อที่เที่ยวหน้าจะได้เลือกพรรคประชาธิปัตย์มากขึ้น แต่อยากให้ประชาชนติดตามรัฐบาลที่ประชาชนเลือกมา ประชาชนเลือกอย่างไรมา เราก็จะได้ผู้แทนฯอย่างนั้น และจะมีรัฐบาลอย่างนั้น ถ้าเราเลือกคนซื้อเสียง เลือกคนโกงมา เราจะได้รัฐบาลโกง เพราะเสียงข้างมากมาจากสภาผู้แทนราษฎร

นายชวน อภิปรายถึงเรื่องราคายางพาราว่า ตนโตมากับสวนยาง และรู้สึกดีใจที่เรายากลำบากมากับยางพารามาก เพราะราคาตกมาหลายปี ตนเป็นหนึ่งในคนที่ดิ้นรนในเรื่องนี้มากกว่าทุกคน เรียกร้องไปยังรัฐบาลทุกชุด เพื่อช่วยแก้ไขปัญหาราคาปัญหายางฯตกต่ำ แต่ขณะนี้มีคนปลูกยางแล้ว 69 จังหวัด กว่า 1,700,000 ครัวเรือน เมื่อวันนี้ราคายางฯขึ้น ก็เป็นเรื่องน่าดีใจ ตนขอบคุณทุกฝ่ายที่ช่วยสนับสนุน แต่ว่าราคายางฯที่ขึ้น มันอยู่ที่อุปสงค์อุปทาน หรืออยู่ที่การควบคุมโดยการตรวจจับยางฯเถื่อน ถ้าเป็นจริงได้อย่างนี้ก็ดีมาก

“แต่ในโลกความเป็นจริงของยางพารา วันหนึ่งเมื่อการเปลี่ยนแปลงไป ผลผลิตยางอาจจะเพิ่มขึ้น และวันหน้าเมื่อยางราคาตก รัฐบาลก็จะโดนตำหนิอย่างหนักว่าหลอกชาวบ้านว่าปราบยางเถื่อนแล้วยังจะราคาขึ้นตลอดไป ตรงนี้คือสิ่งแรกที่อยากจะให้รัฐบาลทบทวนความเข้าใจโดยเฉพาะชาวสวนยางทั่วประเทศ” นายชวน กล่าว

นายชวน กล่าวต่อว่า ตนมีคำถามไปยังนายกรัฐมนตรี ดังนี้ 1.ราคายางฯจะดีอย่างนี้ตลอดไปใช่หรือไม่ โดยไม่เกี่ยวข้องกับอุปสงค์ อุปทานในอนาคต 2.โดยความเชื่อส่วนตัว เศรษฐศาสตร์เบื้องต้น คืออุปสงค์ อุปทาน ไม่ต้องสมมติว่าวันหนึ่งข้างหน้าเมื่อมันเปลี่ยนแปลงด้วยผลผลิตและความต้องการที่ทำให้ยางราคาตกลงรัฐบาล รัฐบาลมีแนวทางป้องกันหรือไม่ ว่าราคายาง ต้องให้ราคาที่ชาวบ้านอยู่ได้ด้วยราคาไม่ต่ำกว่าเท่าไหร่ รัฐบาลที่แล้วมีประกันรายได้โดยกำหนดราคายางดิบกิโลกรัมละ 60 บาท หากต่ำกว่า 60 บาทจะมีการชดเชยใช้เงินเป็นหมื่นๆล้าน ตนจึงฝากสองคำถามเพื่อทำให้เกิดความมั่นใจมากขึ้นกับชาวสวนยางทั่วประเทศ

“เมื่อนายกรัฐมนตรีมีความเห็นต่างออกไปโดยเชื่อว่าการปราบยางฯเถื่อนนั้นคือเหตุผลที่ทำให้ยางราคาขึ้น ผมเชื่อว่าความเชื่อนั้นน่าจะไม่รอบคอบ น่าจะผิดพลาด เพราะจริงๆถึงอย่างไรก็หนีความจริงในทางเศรษฐศาสตร์ไปไม่พ้นคืออุปสงค์อุปทาน ”นายชวน กล่าว

นายชวน กล่าวต่อว่า ขณะที่การแก้ไขปัญหาความไม่สงบในจังหวัดชายแดนภาคใต้ ตนถือเป็นเรื่องใหญ่ที่สุด ปัญหาภาคใต้ต้องเป็นปัญหาที่ห่วงใยชีวิตไม่ว่าจะทั้งชาวไทยพุทธ หรือมุสลิม เราอยากจะรู้ว่า เหตุเป็นอย่างไร หรือรุนแรงอย่างไร ต้องดูข่าวพระราชสำนัก เพราะเราเห็นผู้ว่าราชการจังหวัด เป็นตัวแทนพระองค์ไปมอบสิ่งของ ซึ่งเป็นพระมหากรุณาธิคุณที่ในหลวงไม่ทรงทอดทิ้ง บรรดาพี่น้องประชาชนทั้งชาวพุทธ ชาวมุสลิม และข้าราชการทุกระดับที่ต้องเสี่ยงต่อชีวิตและต้องสูญเสียอยู่ตลอด นี่คือสิ่งที่เกิดขึ้นอยู่ในขณะนี้ อย่างไรก็ตาม ความผิดพลาดที่ยิ่งใหญ่จากเมื่อปี2544ที่รัฐบาลสมัยนั้นปกครองอยู่ มีนโยบายเกี่ยวกับการแก้ไขปัญหาภาคใต้ด้วยวิธีการจัดการเพียง 12 เดือนก็หมด พูดง่ายๆ คือ ฆ่าทิ้งซะ ด้วยความเชื่อว่ามีหัวโจกไม่เกิน 17-18 คน แต่มาถึงปัจจุบันนี้ เหตุการณ์ไม่ได้จบ จึงจำเป็นอย่างยิ่งที่รัฐบาลนี้ต้องหยิบยกขึ้นมาว่า ถ้าชีวิตคนมีค่าต้องทบทวนโดยละเอียดว่าเราจะมีมาตรการป้องกันความเสียหายที่เกิดขึ้นอย่างไรในพื้นที่ที่เป็นด้ามขวานของเรา

“หากไม่มีเหตุร้ายนั่นคือด้ามขวานทองของเรา แต่เพราะความไม่สงบจึงทำให้ที่นั่นมีข้อแม้ ชาวบ้านก็รายได้ตกต่ำกว่าที่อื่น แต่ถ้ารัฐบาล มีนโยบายที่ชัดเจนว่าเราจะทำอะไรก็ตามในทางที่จะป้องกันเชื่อว่าจะทำให้ปัญหาในภาคใต้ดีขึ้น” นายชวน กล่าว

นายชวน กล่าวว่า เมื่อวันที่ 22มี.ค.ที่ผ่านมามีการก่อเหตุในพื้นที่เกือบ 50 ครั้ง นายกฯให้สัมภาษณ์ในวันต่อมาว่า รับทราบ แต่เหตุการณ์ดีขึ้น และได้โทรศัพท์ไปหานายอันวา อิบราฮิม นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย จึงอยากถามนายกฯว่า เรื่องดังกล่าวเป็นเรื่องภายใน หรือเรื่องระหว่างประเทศ และขอถามว่านายกฯมาเลเซีย แนะนำ หรือเสนออย่างไรบ้าง

นายชวน กล่าวถึงนโยบายดิจิทัลวิลเล็ตว่า ตนขอชื่นชมผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) ที่ท้วงติงนโยบายดังกล่าว เพราะผู้ว่าฯธปท. ไม่ใช่นักการเมือง จึงไม่เกี่ยวกับเรื่องคะแนนเสียง แต่เป็นความคิดที่หวังดีกับประเทศชาติ

นายชวน กล่าวต่อว่า ส่วนนายกฯ เมื่อเป็นนายกฯอย่าคิดว่าไปลงพื้นที่แล้วต้องถามว่า มีสส.เพื่อไทยอยู่หรือไม่ แต่เป็นหน้าที่นายกฯต้องไป อย่าทวงบุญคุณ เพราะคือหน้านายกฯที่อยู่แล้ว ที่นายกฯเคยบอกว่ามีผู้นำบางคนพูดว่าพรรคเพื่อไทย ไม่เคยให้ความสำคัญกับภาคใต้ นายกฯไปเอามาจากไหน ตนไม่เคยพูด ตนพูดในวันแถลงนโยบายของรัฐบาลต่อรัฐสภา ว่าภาคใต้ถูกเลือกปฏิบัติ คนที่เลือกปฏิบัติเขาไม่ได้ทำโดยแอบทำ แต่เขาพูดตรงไปตรงมาว่าเมื่อเราได้รับเลือกตั้งมาจากประชาชน จะพัฒนา จังหวัดที่เลือกเรา ก่อนจังหวัดอื่นไว้ทีหลัง ถ้านายกฯไม่รู้ว่าคนที่พูดคือใคร ตนจะบอกให้ว่าคนที่พูดคือทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ และนายทักษิณ ไม่ได้แอบพูด แต่ประกาศตรงๆ นี่คือการเลือกปฏิบัติ

ทำให้นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รมช.คลัง ได้ลุกขึ้นประท้วงว่า ขอความกรุณาอย่าเอ่ยถึงคนนอกที่ไม่มีสิทธิ์ชี้แจง เพราะเรื่องนี้กระทบกับคนนอก ขอให้ระมัดระวัง ที่เอ่ยชื่อถึงอดีตนายกฯ ในทางเสียหาย ว่าพัฒนาในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ด้วยการเลือกปฏิบัติ ซึ่งไม่เป็นความจริง ขอให้อภิปรายอยู่ในกรอบการพิจารณาของเรา นายชวน จึงตอบกลับว่า “ไม่มีใครอยู่ในกรอบเท่าผม”

จากนั้นนายชวน จึงกล่าวต่อว่า ตนขอชี้แจงต่อนายกฯว่า นายกฯเข้าใจผิด ตนไม่เคยพูดว่าพรรคเพื่อไทย ไม่เคยให้ความสำคัญกับภาคใต้ แต่ตนพูดว่าภาคใต้ถูกเลือกปฏิบัติ และขอความเป็นธรรมให้กับภาคใต้ และขอให้ชดเชยให้ ตนไม่ใช่คนที่พูดพล่อยๆ หรือบ้าน้ำลายรายวัน พูดอะไรต้องเป็นเรื่องจริง และรับผิดชอบ

นายชวน กล่าวด้วยว่า ส่วนนโยบายที่รัฐบาลประกาศไว้ว่า จะสร้างความชอบธรรมในการบริหารราชการแผ่นดินฯ เป็นที่ยอมรับกับนานาประเทศ แต่เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจากกรณีนักโทษ การที่คนป่วยหายป่วย เป็นเรื่องที่ดี ไม่ว่าใครก็ตาม เขาจะได้มีชีวิต เป็นขวัญใจให้กับลูกหลานต่อไปจะได้มีโอกาสมาชื่นชมผลงาน และรับกรรมที่ทำไม่ดีเอาไว้ ขณะที่เรื่องพ.ร.บ.ราชทัณฑ์ ปี2560 ไม่ว่าจะออกในสมัยใด ตนไม่ตำหนิ แต่ปัญหามันมีเพียงว่าแต่ละข้อได้มีการปฏิบัติตามนั้นหรือไม่ นี่คือประเด็น และรัฐบาลซึ่งเป็นตัวหลักที่จะทำให้นิติธรรมเกิดขึ้น แต่ก็ปล่อยปละละเลยไม่ให้กฎเกณฑ์กติกาความถูกต้อง ความเสมอภาค ความชอบธรรม หรือการไม่เลือกปฏิบัติเกิดขึ้น

“คำถามคือ สิ่งที่เกิดขึ้นทั้งหมดนั้น รัฐบาลจะดำเนินการกับ สิ่งที่เกิดขึ้นอย่างไร ไม่เกี่ยวกับคนป่วย แต่เกี่ยวกับการปฎิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ แต่หากเจ้าหน้าที่ไม่ปฏิบัติตามกฎเกณฑ์ รัฐบาลที่เป็นผู้บังคับบัญชาเจ้าหน้าที่รัฐ จะดำเนินการอย่างไร ผมคิดว่าเราจะให้ประชาธิปไตยไปได้ดี ไม่ว่าฝ่ายใด ต้องเคารพกฎหมายบ้านเมือง ถ้าเราเลือกปฏิบัติความสุขของประชาชนไม่เกิดขึ้น ที่ผมพูดเรื่องนี้เพราะมีสิ่งที่เป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ทุกคนต้องยอมรับคือถ้าเราต้องการให้ประชาชนของเรามีความสุขเราต้องทำให้ความยุติธรรมเกิดขึ้นถ้าเราไม่รักษาความยุติธรรมความสุขของประชาชนไม่เกิดขึ้น คำกล่าวนี้เป็นคำกล่าวของในหลวงที่เคยรับสั่งไว้“ นายชวน ระบุ