โฆษกรัฐบาลเผย นายกฯ ลุยงานพื้นที่เตรียมบินลงใต้ ติดตามงานโครงการก่อสร้างท่าเทียบเรือสำราญขนาดใหญ่-การแก้ไขปัญหาขยะ พร้อมหารือประเด็นยางพารา-ผลผลิตทางเกษตร ส่งเสริมการท่องเที่ยวสายมู ณ จ.สุราษฎร์ธานี-นครศรีธรรมราช 6-8 เม.ย.นี้

วันที่ 4 เม.ย.67 นายชัย วัชรงค์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง มีกำหนดการเดินทางไปตรวจราชการ ณ จังหวัดสุราษฎร์ธานี (อำเภอเกาะสมุย) และจังหวัดนครศรีธรรมราช ระหว่างวันที่ 6 - 8 เมษายน 2567 เพื่อติดตามงานสำคัญตามนโยบายรัฐบาล ทั้งโครงการก่อสร้างท่าเทียบเรือสำราญขนาดใหญ่ (Cruise Terminal) แนวทางการแก้ไขปัญหาขยะในอำเภอเกาะสมุย พร้อมเยี่ยมชมแปลงทุเรียนสาธิต นิทรรศการสินค้า OTOP การหารือประเด็นยางพาราและผลผลิตทางเกษตร ตลอดจนการส่งเสริมการท่องเที่ยวสายมู สร้างรายได้ให้ประชาชนและกระตุ้นเศรษฐกิจในพื้นที่ โดยมีรัฐมนตรีและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมคณะด้วย อาทิ นางสาวสุดาวรรณ หวังศุภกิจโกศล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา นางสาวพิมพ์ภัทรา วิชัยกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม นายไชยา พรหมา รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ นางมนพร เจริญศรี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม หม่อมหลวงชโยทิต กฤดากร ผู้แทนการค้าไทย นายจตุพร บุรุษพัฒน์ ปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม นายสมคิด เชื้อคง และนายพงศ์ศรัณย์ อัศวชัยโสภณ รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง โดยมีภารกิจตามกำหนดการ ดังนี้

วันเสาร์ที่ 6 เมษายน 2567 เวลาประมาณ 20.00 น. นายกรัฐมนตรีและคณะ ออกเดินทางจากท่าอากาศยานทหาร 2 กองบิน 2 (บน.2) ดอนเมือง กรุงเทพฯ ไปยังท่าอากาศนานาชาติสมุย ตำบลบ่อผุด อำเภอเกาะสมุย จังหวัดสุราษฎร์ธานี โดยจะเดินทางถึงท่าอากาศนานาชาติสมุย ในเวลาประมาณ 21.25 น.

โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีกล่าวว่า ในวันอาทิตย์ที่ 7 เมษายน 2567 เวลาประมาณ 10.30 น. นายกรัฐมนตรีจะไปติดตามโครงการก่อสร้างท่าเทียบเรือสำราญขนาดใหญ่ (Cruise Terminal) ณ แหลมนิคม อำเภอเกาะสมุย จังหวัดสุราษฎร์ธานี ยกระดับการท่องเที่ยวเรือสำราญในประเทศไทย ต่อจากนั้น นายกรัฐมนตรีจะไปที่เตาเผาขยะสมุย อำเภอเกาะสมุย จังหวัดสุราษฎร์ธานี เพื่อตรวจติดตามแนวทางการแก้ไขปัญหาขยะในอำเภอเกาะสมุย จากนั้นในช่วงบ่าย นายกรัฐมนตรีจะไปเยี่ยมชมแปลงทุเรียนสาธิต ณ สวนทุเรียนนายชัยณรงค์ ทองสุข อำเภอเกาะสมุย จังหวัดสุราษฎร์ธานี ซึ่งเป็นการรวมตัวของเกษตรกรผู้ปลูกทุเรียนในตำบลหน้าเมือง อำเภอเกาะสมุย เพื่อเข้ากระบวนการพัฒนาตามระบบส่งเสริมเกษตรแบบแปลงใหญ่ เสร็จแล้วนายกรัฐมนตรีจะเดินทางต่อไปยังสำนักงานเทศบาลนครเกาะสมุย อำเภอเกาะสมุย จังหวัดสุราษฎร์ธานี เพื่อพบปะประชาชน และเยี่ยมชมนิทรรศการสินค้า OTOP พร้อมประชุมบูรณาการจังหวัดสุราษฎร์ธานีในประเด็นสำคัญ เช่น น้ำประปา การบริหารจัดการขยะ การส่งเสริมการท่องเที่ยว การพัฒนาท่าอากาศยานนานาชาติสมุย เป็นต้น

โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีกล่าวต่อไปว่า สำหรับวันจันทร์ที่ 8 เมษายน 2567 ช่วงเช้าเวลาประมาณ 09.30 น. นายกรัฐมนตรีจะออกเดินทางจากท่าอากาศยานนานาชาติสมุย ตำบลบ่อผุด อำเภอเกาะสมุย จังหวัดสุราษฎร์ธานี ไปยังท่าอากาศยานนครศรีธรรมราช ตำบลปากพูน อำเภอเมืองนครศรีธรรมราช จังหวัดนครศรีธรรมราช เพื่อติดตามงานสำคัญในพื้นที่ตามนโยบายรัฐบาล โดยเวลา 10.30 น. นายกรัฐมนตรีจะเดินทางไปที่วัดพระมหาธาตุวรมหาวิหาร ตำบลในเมือง อำเภอเมืองนครศรีธรรมราช จังหวัดนครศรีธรรมราช เพื่อสักการะพระมหาธาตุวรมหาวิหาร ซึ่งเป็นปูชนียสถานศักดิ์สิทธิ์ของเมืองนครศรีธรรมราช ที่สำคัญที่สุดแห่งหนึ่งของภาคใต้ ก่อนเดินทางต่อไปสักการะศาลหลักเมืองนครศรีธรรมราช ณ ศาลหลักเมืองนครศรีธรรมราช ตำบลคลัง อำเภอเมืองนครศรีธรรมราช จังหวัดนครศรีธรรมราช เพื่อความเป็นสิริมงคล  

จากนั้นในช่วงบ่าย ณ สหกรณ์กองทุนสวนยางฉลอง น้ำขาวพัฒนา จำกัด ตำบลฉลอง อำเภอสิชล จังหวัดนครศรีธรรมราช นายกรัฐมนตรีจะหารือประเด็นยางพาราและผลผลิตทางเกษตร ซึ่งเป็นเรื่องที่รัฐบาลนี้ให้ความสำคัญในการดูแลเรื่องของราคาพืชผลทางการเกษตรให้มีราคาที่สูงขึ้น เหมาะสม และสอดคล้องกับสถานการณ์ ต่อจากนั้น นายกรัฐมนตรีจะเดินทางไปที่วัดเจดีย์ (ไอ้ไข่)  ตำบลฉลอง อำเภอสิชล จังหวัดนครศรีธรรมราช เพื่อสักการะไอ้ไข่ และหารือประเด็นส่งเสริมการท่องเที่ยวสายมู ตามนโยบายรัฐบาลในการขับเคลื่อน Soft Power ด้วยการนำศักยภาพและเอกลักษณ์ที่โดดเด่นของแต่ละพื้นที่มาพัฒนาต่อยอด สร้างรายได้ให้ประชาชนในพื้นที่อย่างยั่งยืน โดยนายกรัฐมนตรีและคณะจะเดินทางกลับถึงท่าอากาศยานทหาร 2 กองบิน 6 (บน.6) ดอนเมือง กรุงเทพฯ ในเวลาประมาณ 17.10 น. ทั้งนี้ กำหนดการอาจมีการเปลี่ยนแปลงตามความเหมาะสม

“การเดินทางลงพื้นที่ตรวจราชการจังหวัดสุราษฎร์ธานี (อำเภอเกาะสมุย) และจังหวัดนครศรีธรรมราช ระหว่างวันที่ 6 - 8 เมษายน 2567 ครั้งนี้ เพื่อเป็นการติดตามการดำเนินงานต่าง ๆ ตามนโยบายของรัฐบาล ทั้งในมิติการติดตามการแก้ไขปัญหา อุปสรรค ข้อติดขัดต่าง ๆ ให้การดำเนินงานเดินหน้าต่อไปได้ตามแผนและเป้าหมายที่กำหนดไว้ เช่น ประเด็นเรื่องยางพารา การเพิ่มผลผลิตทางการเกษตร การลดต้นทุนการผลิตที่สูงขึ้น การบริหารจัดการน้ำอุปโภคบริโภคให้เพียงพอสำหรับประชาชน เช่น น้ำประปา การบริหารจัดการขยะ การส่งเสริมการท่องเที่ยว การพัฒนาท่าอากาศยานนานาชาติสมุย และการขยายถนนรอบเกาะสมุย เป็นต้น รวมถึงการนำเอกลักษณ์และศักยภาพที่จังหวัดสุราษฎร์ธานี (อำเภอเกาะสมุย) และจังหวัดนครศรีธรรมราชมี มาพัฒนาต่อยอดเพื่อสร้างรายได้ให้กับประชาชนเพิ่มขึ้น และให้เกิดการกระตุ้นเศรษฐกิจในพื้นที่ เช่น การส่งเสริมการท่องเที่ยวสายมู ซึ่งเป็นอีกหนึ่ง Soft Power ที่สำคัญตามนโยบายรัฐบาล” โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีกล่าว