วันที่ 4 เม.ย.2567 ที่รัฐสภา ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ที่มีนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎร ทำหน้าที่ประธานการประชุม เพื่อพิจารณาญัตติขอเปิดอภิปรายทั่วไป เพื่อซักถามข้อเท็จจริงหรือเสนอแนะปัญหาต่อคณะรัฐมนตรี(ครม.) โดยไม่มีการลงมติ ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 152

ต่อมาเวลา 11.35 น. นายจิรัฏฐ์ ทองสุวรรณ์ สส.ฉะเชิงเทรา พรรคก้าวไกล อภิปรายโดยยกตัวอย่าง ‘ปลาหี่’ ว่าคือปลาชนิดหนึ่ง พบเจอได้แถวอ่าวไทย 19 ไมล์ทะเล จากอำเภอบางสะพาน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ที่ความลึก 40 เมตร จุดเดียวกับที่ซากเรือหลวงสุโขทัยอยู่ทุกวันนี้ การจะจับปลาหี่ไม่ง่าย เพราะอยู่กันเป็นฝูง ถ้าอยากจะจับก็ต้องมาจับที่สภา จะได้ไขปริศนาเรือหลวงอับปางกันได้สักที ตนได้อภิปรายเตือนนายสุทิน คลังแสง รมว.กลาโหมไปแล้วถึงสองครั้ง แต่ท่านไม่ได้นำพาเลย ตนคาดหวังให้ท่านลงไปตรวจสอบ ติดตาม ทำให้โปร่งใส และไม่ปล่อยให้ข้อครหาของตนเกิดขึ้นจริง 6 เดือนที่แล้ว ตนตั้งกระทู้สดถามพร้อมท้าทายขนาดนึ้ แต่ท่านก็ยังปล่อยให้เกิดขึ้นจนได้

นายจิรัฏฐ์ กล่าวว่า โศกนาฏกรรมเรือหลวงสุโขทัยอับปาง เมื่อวันที่ 18 ธ.ค. 2565 คร่าชีวิตกำลังพลไปมากถึง 29 คน มันล่มได้ยังไง ทำไมถึงมีคนตายมากขนาดนี้ แล้วใครจะต้องรับผิดชอบบ้าง ทั้งหมดนี้เป็นปริศนา ตั้งแต่คืนวันที่เรือล่มจนถึงวันนี้ 1 ปี 3 เดือน 16 วัน กองทัพเรือยังสอบสวนอยู่เลย เอาเวลาไปเล่นปาหี่กับโศกนาฏกรรม ประชาชนไม่ได้สนุกด้วยความคืบหน้าล่าสุด คือภารกิจกู้เรือแบบจำกัด ซึ่งอเมริกาส่งคนดำน้ำลงไป เพื่อค้นหา ปลด หรือทำลายยุทโธปกรณ์ต่างๆ ไม่ให้เกิดความลับรั่วไหล กองทัพเรือก็ใช้โอกาสนี้ ลงไปดำน้ำกับเขาด้วย ขอติดตาม เพื่อไปถ่ายภาพตัวเรือมาเป็นหลักฐานประกอบการสอบสวนหาสาเหตุการล่ม ที่กว่า 15 เดือนแล้วยังไม่ได้ข้อสรุป ตนติดตามภารกิจนี้ทุกวัน และอยากจะเห็นว่าปลาหี่หน้าตาเป็นอย่างไร ไม่รู้จะเอาขึ้นมาสักตัวรึเปล่า 19 วันของภารกิจ ไม่เอาขึ้นมาสักตัว จนกระทั่งจบภารกิจ ผู้บัญชาการกองเรือยุทธการ (ผบ.ทร.) ก็ได้ตั้งโต๊ะแถลงข่าวบนเรือกลางทะเล ไม่รู้ว่าจะเรียกปาหี่หรือเปล่า แต่ที่แน่ๆ คือเจอปลาหี่ฝูงเบ้อเร่อเลย มันซ่อนอยู่ในคำแถลง

นายนายจิรัฏฐ์ กล่าวอีกว่า ตนขอตั้งข้อสังเกตถึงน้ำมันในเรือ ที่ไม่มีการรั่วไหล และการเก็บกู้วัตถุพยาน 5 อย่าง ที่ไม่รู้เอาขึ้นมาทำไม ใช้ประโยชน์ไม่ได้เลย ในขณะที่ภารกิจค้นหาและเก็บกู้ วัตถุเพื่อไปทำอนุสรณ์สถานที่สัตหีบ ได้มา 11 รายการ ถ้าจริงจังกับการไขปริศนาเรือหลวงสุโขทัยล่มได้สักครึ่งหนึ่ง ของการพยายามจะทำอนุสรณ์ ผมก็พอใจแล้ว

อีกทั้ง การย้ำถึง 2 ครั้งว่า ได้ถ่ายภาพตัวเรือ 58 จุด ตามที่ต้องการครบถ้วนเพียงพอแล้ว ที่จะสรุปสาเหตุได้ โดยไม่จำเป็นต้องกู้เรือขึ้นมาทั้งลำอีกแล้วนั้น แล้วทำไมก่อนหน้านี้จึงสรุปไม่ได้ รวมถึงการรีบส่งคืนงบประมาณกว่า 90 ล้านบาทที่ยังไม่ได้ใช้ ก่อนการเริ่มภารกิจนั้น รู้ล่วงหน้าหรือถึงสามารถคืนได้ และรู้ได้อย่างไรว่าจะไม่ได้ใช้แล้ว เรารู้ว่าท่านไม่ต้องการจะกู้ตั้งแต่แรกแล้ว เพราะถ้าอยากทำมันขึ้นมามานานแล้วไม่ต้องรอ 15 เดือนหรอก แต่ให้มันเนียนหน่อย อย่าให้ประเจิดประเจ้อ เดี๋ยวคนจะหาว่าเล่นปลาหี่ ส่วนกรณีที่ต้องให้บริษัทเอกชนประมูลราคาถึง 2 ครั้ง ซึ่งสุดท้ายนายสุทินให้เหตุผลถึงการล้มประมูลว่า เกิดจากการที่เราไม่สามารถฝืนข้อตกลงกับสหรัฐอเมริกาได้นั้น แต่การที่สหรัฐอเมริกามีการจดหมายส่งมาให้ถึง 2 ฉบับ นั่นแปลว่า มันฝืนไม่ได้ตั้งแต่แรกแล้ว แต่กองทัพเรือฝืนมา 14 เดือน กองทัพเรือรู้ดีอยู่แล้ว แต่จงใจฝืนข้อตกลง เพราะไม่อยากให้สหรัฐอเมริกาเข้ามาจุ้นจ้าน เลยเงียบเฉย ไม่ตอบ และการไม่ตอบนี้ จึงทำให้ลากการสรุปผลมาได้ปีกว่า

สส.ก้าวไกล กล่าวอีกว่า สำหรับงบประมาณที่เคยบอกว่าไม่เพียงพอ ทำให้ต้องของบประมาณเพิ่ม ซึ่งกว่าจะได้เงินมาก็ใช้เวลานาน แต่ในปีงบประมาณนี้ กลับมีการโอนงบประมาณไปใช้ในส่วนอื่น และมีงบเหลือใช้อีกกว่า 337 ล้านบาท ปาหี่กันได้ทุกกระบวนการ ทุกขั้นตอนจริงๆ โศกนาฏกรรมร้ายแรงขนาดนี้ ทั้งๆ ที่เสียเรือรบซึ่งเป็นกำลังหลักสำคัญไปแบบปริศนา แต่ไม่มีความพยายามในการหาสาเหตุ เพื่อถอดบทเรียน พอเข้าปีงบประมาณก็มาโอดโอยว่าไม่พอใช้ทุกปี ดังนั้นกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริง สอบปากคำผู้รอดชีวิตทุกคนแล้วไม่ใช่เหรอ ท่านไม่รู้บ้างหรอ ว่าบางคน เขาเอาชีวิตรอดมาได้ ด้วยการเกาะศพเพื่อน 3-4 ชั่วโมงกลางทะเล รอคนมาช่วย เพราะเพื่อนสวมเสื้อชูชีพอยู่ บางคนเห็นเพื่อนรักตัวเอง แขนขาด น้ำลายฟูมปาก แต่ก็ทำอะไรไม่ได้ เพราะตัวเองยังเอาตัวแทบไม่รอด บางคนยอมปล่อยมือจากเพื่อน เพื่อที่จะเอาชีวิตรอด ไม่งั้นตายทั้งคู่ ทำกันทุกวิถีทางเพื่อหาวิธีรอด เพราะมีเสื้อชูชีพไม่พอ

“ 29 ชีวิตที่จากไป โดยที่ครอบครัวเขา ไม่รู้สาเหตุว่าอะไรพรากคนที่เขารักไปตลอดกาล ท่านยังกล้าเล่นปาหี่บนความตายของพวกเขาเหล่านี้ ถ้าถามว่าทำไมกองทัพเรือถึงไม่พยายามจะหาข้อพิสูจน์ หาข้อเท็จจริงว่าเกิดอะไรขึ้นกับโศกนาฏกรรมครั้งนี้ ผมเชื่อว่า ทุกคนตอบได้อยู่แล้วว่าทำไม ก็ถ้าเรือโผล่พ้นน้ำขึ้นมา ก็ถ้าข้อเท็จจริงปรากฏขึ้นมาเมื่อไหร่ จะได้รู้กันถ้วนหน้า จึงฝากผ่านไปยังท่านรัฐมนตรี ในฐานะที่มีอำนาจในการแก้ไขสิ่งที่ผิดให้ถูกได้ ก่อนที่กองทัพเรือจะแถลงสรุปผลการสอบสวนในไม่กี่วันนี้  หากท่านยังปล่อยให้เขาเล่นปาหี่แบบนี้ต่อไป สุดท้ายแล้วความผิดจะตกไปอยู่ที่ผู้การเรือคนเดียว แต่คนที่สั่งการให้เรือลำนี้เดินทางไปสู่ความตาย ไม่ต้องรับผิดชอบอะไรเลย ผู้บังคับบัญชาของทั้ง 3 หน่วยงานมีส่วนต้องรับผิดชอบหรือเปล่า

วันนี้ทุกคนขึ้นตำแหน่งกันหมดแล้ว ก็เดี๋ยวรอดูว่าจะเกิดอะไรขึ้น การสอบสวนในทางลับนั้น ได้สอบสวนบุคคลเหล่านี้บ้างหรือเปล่า ไม่มีใครรู้ รวมผู้การเรือ เป็น 4 คน จาก 5 หน่วยงาน ได้สอบใครบ้างหรือเปล่า แล้วเราจะเชื่อมั่นผลการสอบได้อย่างไร ในเมื่อแค่รายชื่อของกรรมการสอบเรายังไม่รู้เลย เราเคยหวังว่าจะได้ความจริงจากผู้รอดชีวิต แต่เมื่อผู้รอดชีวิตให้สัมภาษณ์ว่า ไม่มีเสื้อชูชีพเท่านั้นแหละ ก็ถูกสั่งปิดปาก หายตัวไปตลอดกาล ไม่มีใครได้เจอผู้รอดชีวิตอีกเลย เราเคยหวังว่าจะกู้ซากเรือขึ้นมา เพราะมั่นใจว่า เศษเหล็กมันไม่ตอแหล แต่มันก็ไม่ขึ้นมาจากน้ำอีกแล้ว เราเคยหวังว่าโศกนาฏกรรมแบบนี้ จะเห็นจิตสำนึกของลูกประดู่ ศักดิ์ศรีของลูกประดู่ที่จะหาความจริงขึ้นมา เพื่อสร้างความเป็นธรรมให้กับ 29 ศพนี้ แต่ก็ไม่เกิดขึ้น“ นายจิรัฎฐ์ กล่าว

ต่อมาเวลา 12.10 น.นายสุทิน คลังแสง รมว.กลาโหม ลุกขึ้นชี้แจงถึงการตัดลดงบประมาณเรือฟริเกตของกรรมาธิการงบประมาณ ที่นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล อภิปรายพาดพิงถึงว่า ตนยอมรับว่า ในการตั้งงบอาวุธจัดซื้อเรือฟริเกตของรัฐบาลนั้น รัฐบาลหนักใจที่สุด เพราะกลัวพรรคก้าวไกล ที่ด่ามาทุกปี จึงตัดงบประมาณดังกล่าว และในปีต่อไปจะมียุทธศาสตร์การจัดซื้อ ไม่ให้ซ้ำซ้อน และไม่ให้เงินค้างท่อ แต่กลายเป็นว่า รัฐบาลแทงม้าผิดตัว หลงมุม เพราะพรรคก้าวไกล กลับสนับสนุน ดังนั้น หากพรรคก้าวไกลสับขาหลอกได้ ตนเองก็สับขาหลอกเป็นเช่นกัน ในปีหน้าหากรัฐบาล ให้งบประมาณแก่กองทัพเรือจัดซื้อเรือฟริเกต

“ก็ขอฝ่ายค้านอย่าบ่น หรือตำหนิรัฐบาลอีก ขอให้ฝ่ายค้าน จำคำของผมไว้ให้ดี ที่เชียร์ให้ซื้อเรือฟริเกต หรือหากรัฐบาลอนุมัติให้ 2 ลำ ก็ขอฝ่ายค้านอย่าบ่นอีก และหากซื้ออาวุธอย่างอื่นอีก ก็ขออย่ามาด่ากัน ยืนยันว่าการสั่งการของตน ที่มีการขอ นั้น ตนไม่ได้ขอแบบหน่อมแน้ม แต่เพราะคนก้าวร้าว จะไม่เคยเห็นคุณค่าของความนุ่มนวล เพราะคำว่าขอของตนเองนั้น คือการสั่งการ และชัดเจน โดยไม่จำเป็นต้องไปคำรามใส่กองทัพ” นายสุทิน กล่าว  

นายสุทิน ยังกล่าวถึงปัญหาภายในกองทัพว่า มีปัญหาในโครงสร้าง ตนไม่ปฏิเสธว่านโยบายกองทัพของรัฐบาล ไม่ใช่เป็นการคิดใหม่ แต่เป็นการทำต่อจากรัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เพราะเมื่อตนรับตำแหน่งรมว.กลาโหม แล้ว ก็ได้พบว่า กองทัพก็มีการปฏิรูปกองทัพตัวเองเช่นเดียวกัน ตนจึงใช้ไม้อ่อน ให้คนในได้ปฏิรูปกันเอง เพราะการปฏิรูป กับการปฏิวัติต่างกัน เพราะถ้าปฏิวัติ คือ ฉับพลันทันด่วน ไม่ต้องมีส่วนร่วม แต่ปฏิรูป คือ ร่วมคิด ร่วมทำ ร่วมรับผิดชอบ

“ถ้าผมเป็นเด็ก มีอายุเท่านายวิโรจน์ ผมก็จะใช้วิธีการปฏิวัติ แต่เมื่อผ่านมาหลายเรื่อง ผมจึงคิดว่า การร่วมคิดร่วมทำดีที่สุด และผมได้ตั้งคณะทำงาน 10 ชุดมาแก้ปัญหาในกองทัพ เช่น การเลือกทหารกองประจำการ การฝึกนักศึกษาวิชาทหาร การดำเนินการด้านสวัสดิการกำลังพล การแก้ไขร่างกฎหมายความมั่นคง การศึกษาแนวทางที่เหมาะสมกับการจัดหาเรือดำน้ำ เป็นต้น” นายสุทิน กล่าว

นายสุทิน ยังกล่าวถึงการอภิปรายของนายวิโรจน์ว่า ไปโฆษณาว่า จะอภิปรายแบบคุณภาพคับแก้ว แต่พอเอาเข้าจริง กลับเป็นเรื่องเก่า เรื่องเดิม ที่เคยพูด และตนเคยตอบไปแล้ว และ 90% เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นในรัฐบาลชุดที่แล้ว แต่นายวิโรจน์ กลับอภิปรายให้ชาวบ้านเข้าใจว่า ปัญหาเกิดขึ้นในรัฐบาลนี้

รมว.กลาโหม ยังชี้แจงถึงการกู้เรือหลวงสุโขทัย ที่นายจิรัฏฐ์ ทองสุวรรณ์ สส.ฉะเชิงเทรา พรรคก้าวไกล อภิปรายระบุเป็นการปาหี่ว่า ยืนยันว่า ตนก็ยังติดตามว่า จะเป็นการปาหี่หรือไม่ แต่ขณะนี้ การสอบสวนยังไม่แล้วเสร็จ การจะไปลงโทษเอาผิด ไม่ใช่วิธีการบริหารที่ถูกต้อง เพราะขั้นตอน ยังไม่แล้วเสร็จ และต้องรอรายงานผลการสอบสวน เพื่อนำไปตรวจสอบ

“ถ้าเป็นลักษณะปาหี่จริง ก็ยืนยันว่า ผมสามารถตั้งคณะกรรมการขึ้นมาตรวจสอบชุดใหม่ได้ โดยเป็นการตั้งคณะกรรมการจากภายนอก แต่ในวันที่ 9เม.ย.นี้ กองทัพเรือจะสรุปผลสอบสวนว่าใครผิด หรือใครถูก และใครต้องได้รับการลงโทษ ยืนยันว่าเรื่องนี้ไม่มีแพะเด็ดขาด” นายสุทิน กล่าว