วันที่ 4 เม.ย.2567 ที่รัฐสภา ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ที่มีนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎร ทำหน้าที่ประธานการประชุม เพื่อพิจารณาญัตติขอเปิดอภิปรายทั่วไป เพื่อซักถามข้อเท็จจริงหรือเสนอแนะปัญหาต่อคณะรัฐมนตรี(ครม.) โดยไม่มีการลงมติ ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 152 ต่อมาเวลา 10.48 น.นายเศรษฐา ทวีสิน นายกฯและรมว.คลัง ชี้แจงว่า ตนมาฟังฝ่ายค้านวิพากษ์วิจารณ์เรื่องของกองทัพ กระทรวงกลาโหม จริงๆก็เรื่องเดิม ๆผิดหวังนิดหน่อย มีแต่น้ำๆทั้งนั้น ยืนยันกองทัพมีไว้เพื่อความมั่นคงของประเทศ ไม่ใช่ความมั่งคั่งของใครคนใดคนหนึ่ง

เรื่องวาทกรรมด้อยค่าต่าง ๆภาพพลักษณ์ตกต่ำ ใช้ไอโอดำมือลึกล้ำ ล้ำลึก ต่างๆเหล่านี้ให้เวลารัฐบาลบริหารให้ครบ 4 ปี จริงๆแล้วประชาชนจะตระหนักดีตอนจบคนที่ใช้ไอโอ คนที่พยายามครอบงำให้คนหน้ามือตามัวจริงๆแล้วคือใคร เรื่องของรมว.กลาโหมพยายามที่จะทำอยู่ปัจจุบันมีการพัฒนาร่วมกัน เชื่อว่าตลอด 7 เดือนมีการพัฒนาที่ดีขึ้น ก็ให้เวลาสักพักก็จะเห็นผลงานที่เราพยายามทำต่อเนื่อง



“เรื่องเงินทอนพูดมาหลายหน ผมก็บอกแล้วถ้ามีเงินทอนก็เอาหลักฐานมา และเรื่องเรือฟริเกตที่ท่านเชียร์กันเหลือเกินถ้าผมพูดกลับไปว่าท่านก็มีเงินทอน ท่านก็ไม่พอใจ อยากให้เอาหลักฐานมาพูดกันดีกว่า เพราะเรื่องนี้ยังไม่จบ ต้องมีการสนับสนุนให้ต่อเรือในประเทศไทยเป็นเรื่องที่ดี และถูกต้อง และมีเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหลายๆอย่าง มีหลายมิติ และพยายามพูดคุยกันอยู่เพื่อให้กองทัพได้ของที่ดีที่สุด

ผมฟังมา 40 นาทีก็ยังเป็นฝ่ายค้านที่งงอยู่เหมือนกัน พวกท่านเคยพูดเอาเรือประมงมาแทนเรือรบต่าง ๆแต่วันนี้จะสนับสนุนให้ซื้อเรือรบอีก มันงงมาก เป็นเรื่องวาทกรรม เรามาพูดเรื่องเนื้องานดีกว่า พยายามที่จะพัฒนาต่อไป เรื่องการซื้ออาวุธก็จะทำให้โปร่งใส ซื่อสัตย์ สุจริต คำนึงถึงการแลกเปลี่ยนผลประโยชน์ที่ภาคอุตสาหกรรมอื่นๆที่จะได้จากการซื้ออาวุธด้วย ยืนยันว่ากองทัพมีไว้เพื่อความมั่นคงของประเทศ” นายกฯ กล่าว