“เกณิกา”เผย รัฐบาลเอาจริงปราบปรามสินค้าเกษตรเถื่อน เป็นปัจจัยทำให้ราคายางพาราเพิ่มขึ้น พร้อมเดินหน้านโยบายเพิ่มรายได้ให้เกษตรกร 3 เท่าภายใน 4 ปี

วันที่ 4 เม.ย 67 น.ส.เกณิกา อุ่นจิตร์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ปัญหาสินค้าการเกษตรเถื่อนที่เป็นปัญหาต่อเนื่องมายาวนาน และเป็นปัจจัยที่ทำให้ราคาสินค้าการเกษตรตกต่ำลง สร้างความเดือดร้อนให้เกษตรกรทั่วประเทศ ซึ่งนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ได้กำหนดเป็นนโยบายแรก ๆ ตั้งแต่เข้าบริหารประเทศ และได้สั่งการให้ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ปราบปรามปัญหาที่เกิดขึ้นให้ได้ โดยเพิ่มรายได้ให้กับชาวเกษตรกร 3 เท่า ในช่วงระยะ 4 ปีของรัฐบาล 

น.ส.เกณิกา กล่าวต่อว่า รัฐบาลและกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้ประกาศทำสงครามกับสินค้าเถื่อนทุกประเภทด้วยปฎิบัติการของชุดพญานาคราช คอยเฝ้าระวังร่วมกับฝ่ายความมั่นคง ทั้งกองทัพบก ทัพเรือ และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ นอกจากนี้ รัฐบาลยังให้ความสำคัญกับกฎหมายปราศจากการทำลายป่าของ EU หรือ EU Forestation-free Regulation (EUDR) ที่วันนี้ภาคอุตสาหกรรมการยางถือว่า ยึดตลาดโลกไว้แล้ว โดยเราเป็นผู้นำทางด้านยางพารา และตลาดยุโรปที่มีความมั่นใจในรัฐบาลไทย จึงสั่งยางพาราของเราเพิ่มขึ้น โดยรัฐบาลได้จัดระบบการซื้อยางผ่านตลาด Thai Rubber Trade (TRT) เพื่อเพิ่มความสามารถตรวจสอบผลผลิตตามตลาดโลกด้วย

ทั้งนี้ การยางแห่งประเทศไทยยังดำเนินการสำรวจที่ถือว่าเป็นสาระสำคัญ ปรับปรุงฐานข้อมูลเกษตรกรชาวสวนยางที่ได้ขึ้นทะเบียนกับการยางประเทศไทยให้มีการระบุพิกัด และรูปแปลง ซึ่งปัจจุบันดำเนินไปแล้ว 90% คือ 2,202,940 ไร่ จึงเป็นเหตุผลหนึ่งทำให้ราคายางพารายกระดับขึ้น

“ราคายางพาราของประเทศไทย จากข้อมูลที่ปรากฏสามารถพิสูจน์ให้เห็นได้ว่า ยางพาราของเราเป็นตัวกำหนดทิศทางของโลก โดยราคายาง ณ วันที่ 19 มีนาคม 2567 อยู่ที่ 98 บาทต่อกิโลกรัม เป็นยางแผ่นรมควัน คู่แข่งของเราอย่างประเทศญี่ปุ่น ราคายางประเภทเดียวกัน ราคาอยู่ที่ 88 บาท และประเทศจีน ราคาอยู่ที่ 77 บาท แสดงให้เห็นชัดเจนว่า ราคายางพาราของเราปรับสูงขึ้น และสามารถทำให้ชาวสวนยางลืมตาอ้าปากได้“น.ส.เกณิกา กล่าว