จากกรณีทนายอนันต์ชัย ไชยเดช พร้อมกับนายก้องภพ วรานุชิตกุล และนางสาวชลิดา รังสิกุล ผู้รับมอบอำนาจจากเจ้าของที่ดินแปลงเลขที่ดิน 35 ตั้งอยู่บริเวณหาดนวล บนเกาะล้าน ม.7 ต.นาเกลือ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี นำหลักฐานการบุกรุกที่ดินเข้าแจ้งความกับ ร.ต.ท.กิตติพงษ์ แถลงกัน รอง สว.สอบสวน สภ.เมืองพัทยา เพื่อดำเนินคดีกับนายวีระ หรือเสี่ยบอย ที่เคยมีข่าวเกี่ยวข้องกับวลี “เป้รักผู้การเท่าไหร่” กับพวกในข้อหา “ร่วมกันบุกรุก , ทำให้เสียทรัพย์, และลักทรัพย์”
ล่าสุดวันนี้ (02 เม.ย .67) นายวีระ หรือเสี่ยบอย เดินทางมาที่ สภ.เมืองพัทยา พร้อมด้วย นายประทีป นวลเศรษฐ ทนายความ พร้อมหลักฐานต่างๆเข้าแจ้งความร้องทุกข์กับ พนักงานสอบสวน สภ.เมืองพัทยา โดยด้านทนายประทีป นวลเศรษฐ เปิดเผยว่า ในวันนี้มาแจ้งความดำเนินคดีกรณีที่พาดพิงว่านายวีระ นาทรัพย์ บุกรุกที่ดินที่เกาะล้าน การกล่าวหาว่านายวีระบุกรุกที่ที่เกาะล้าน ซึ่งคนทั่วไปฟังแล้วเข้าใจว่านายวีระนั้นบุกรุกที่สาธารณะ หรือที่ป่า ซึ่งทำให้นายวีระเสียหาย ซึ่งเรื่องดังกล่าวเป็นเรื่องข้อพิพาทระหว่างบุคคล ซึ่งต้องใช้สิทธิ์ต่อสู้ในทางศาลว่าใครมีหลักฐานมากกว่ากัน ซึ่งไม่ได้มากล่าวหาทางหน้าจอทีวีทำทำให้นายวีระเสียหาย
นอกจากนั้นการอ้างสิทธิในที่ดินก็ต้องไปฟ้องกันที่ศาลว่าใครเป็นเจ้าของที่ดินที่แท้จริง ศาลจะให้ความเป็นธรรม และเมื่อเห็นข่าวยิ่งตกใจที่ว่าจะมีคนจะมารื้อเกาะล้าน ทั้งๆที่เกาะล้านเขาอยู่กันมากว่า 100 ปี เกาะล้านมีประชากรกว่า 3,000 คน มีครอบครัวกว่า 600 หลังคาเรือน และมีประชากรแฝง 3 เท่า นักท่องเที่ยวมาเที่ยววันละกว่า 10,000 คน คนที่จะมาลื้นเกาะล้านจะทำให้เสียการท่องเที่ยวขนาดไหน
ทนายประทีป นวลเศรษฐ กล่าวเพิ่มเติมอีกว่า วันนี้พานายวีระมาแจ้งความให้ดำเนินคดีกับบุคคลที่มาแถลงข่าวเมื่อวานที่กล่าวหาว่านายวีระบุกรุกเกาะล้าน ซึ่งบุคคลที่ได้รับฟังจะเกิดความเกรียดชังนายวีระที่ไปบุกรุกเกาะล้าน ซึ่งความจริงที่แปลงนี้เป็นที่ดินส่วนบุคคล ซึ่งนายวีระจะมาดำเนินคดีหมิ่นประมาทกับผู้ที่เกี่ยวข้องก่อน
ด้านนายวีระ เปิดเผยว่า จากเมื่อวานที่เห็นข่าวที่มาพาดพิงถึงผม ผมก็เลยมาแจ้งความดำเนินคดี ซึ่งจริงๆแล้วการที่ทนายอนันตชัยพาลูกความมาแจ้งความดำเนินกับผมซึ่งเป็นเรื่องของบุคคลกับบุคคล แต่ไม่เข้าใจว่าหรือผมตั้งข้อสังเกตมีการโยงนายพล ต. ทั้งที่ผมไม่เคยไปแอบอ้าง ข่มขู่หรือเอ่ยชื่อไปถึงท่านเลย นอกจากนั้นยังมาพูดทำนองว่าชาวเกาะล้านมาบอกว่าผมไปข่มขู่ ผมจึงอยากให้ทนายอนันตชัยพาบุคคลที่พูดเอามาเป็นพยานเลย
นายวีระ ยังกล่าวเพิ่มเติมว่า วันนี้ผมพูดถึงนายพลคนดัง ผมเรียกว่าพี่เลยดีกว่า ทุกวันนี้ผมอยู่ในกติกามาตลอด ผมเคารพพี่มาตลอด แต่วันนี้กติกาของพี่มันไม่เป็นธรรมกับผมเลย ตั้งแต่ในคดี140 ล้าน เป็นคดีความอำมหิตมาก ก่อนจะออกหมายจับคนรอบข้างผมไม่ว่าจะเป็นแฟนผม พี่ผม คนขับเรือผม ไกด์ผม มันไม่ยุติธรรมอย่างไรนั้นเพราะก่อนจะออกหมายจับคนรอบข้างผม บอกผมก่อนว่าจะออกหมายจับใคร โดยจะออกหมายจับใครจะให้ผมพูดถึงนายพล ต. ว่าเรื่องเงินไปถึงเขา จนทุกวันนี้ผมหาพยานหลักฐานแก้ให้ทุกคนที่ไม่เกี่ยวข้องด้วยจนผมคิดว่าไปในทิศทางที่ดี นอกจากนั้นในข่าวยังมีรองอธิบดีอัยการคนหนึ่งพูดว่าผมไม่พูดอะไรอะไรทั้งสิ้น และมีนายพลคนหนึ่งที่ผมเคารพตอนที่ผมกลับมาและผมได้ประกันตัว และบอกว่าผมให้การเป็นประโยชน์เป็นอย่างมาก ผมยืนยันได้ว่าผมเคยให้การอะไรอะไรทั้งสิ้นในคดี 140 ล้าน มันเลยต่อเนื่องมาในเหตุการณ์นี้
นอกจากนั้นทนายที่มาแจ้งความผม เขาก็พูดอยู่แล้วว่าพฤติการณ์ผม หาว่าผมเป็นมาเฟีย เป็นผู้มีอิทธิพล ซึ่งผมไม่ได้เป็นอย่างนั้น และที่มาเพราะผมมีนายพล ต.หนุนหลังเขาถึงมา ซึ่งเขามีนัยยะแน่ที่เขามาแบบนี้และมาเรื่องที่ดินหรือเปล่า
ส่วนเรื่องที่ดินนายวีระ ยืนยันพร้อมสู้เพราะที่ดินได้มาอย่างถูกต้อง นอกจากนั้นยังได้แสดงหลักฐานต่างๆที่ได้มาของที่ดิน รวมถึงหลักฐานต่างๆที่เกี่ยวข้องในการครอบครองที่ดินว่าได้มาอย่างถูกต้อง และทำอย่างถูกต้องมาตลอด