“สุทิน”ยันไม่มีสัญญาณบ่งบอกเหตุการณ์รัฐประหาร มอง”ผบ.เหล่าทัพ” เป็นคนรุ่นใหม่ มีความคิด ย้ำสถานการณ์เปลี่ยนไปแล้ว ด้าน “วิปรัฐบาล”ลั่นไม่ตั้งองครักษ์พิทักษ์ศึกซักฟอก เตือนฝ่ายค้านพาดพิง'ทักษิณ-อุ๊งอิ๊ง' ระวังโดนฟ้อง เตรียมยึดเวลาฝ่ายค้านอภิปรายคืน เหตุจัดสรรไม่6เป็นธรรม ”อนุทิน”ย้ำ”รมต.ภูมิใจไทย”พร้อมแจง มั่นใจทำงานโปร่งใสไร้ซ่อนเร้น ขณะที่'วิโรจน์' ระบุซักฟอกรอบนี้แค่เตือนรบ. รอเก็บหลักฐานต่อ ลั่น หากพบทุจริตร้องสอบแน่
ที่กองพันทหารสื่อสารที่ 1 เขตสาทร กทม. เมื่อวันที่ 1 เม.ย.67 นายสุทิน คลังแสง รมว.กลาโหม กล่าวถึงกรณีที่ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าวต่างประเทศถึงปัจจัยการรัฐประหารเป็นสิ่งที่ไม่สามารถควบคุมได้ ซึ่งในส่วนของ รมว.กลาโหม สามารถควบคุมได้หรือไม่ ว่า นายกรัฐมนตรีก็พูดถูก เรื่องนี้ถ้ามันจะเกิด เรื่องกฎหมายก็ควบคุมไม่ได้ ธรรมดาแล้วสังคมควบคุมกันด้วยข้อกฎหมาย ท่านคงหมายถึงตรงนั้น เพราะส่วนนี้เรื่องกฎหมายควบคุมไม่ได้
สำหรับทางการบริหารควบคุมได้หรือไม่นั้น ยอมรับว่าไม่ง่าย ส่วนที่จะคุมได้คือ สังคมจิตวิทยา โดยความต้องการของประชาชน แต่ตนเชื่อว่าเรื่องนี้ก็ไม่ง่าย ไม่เกิดขึ้นง่ายๆ เพราะผ่านมาไกลพอสมควร เมื่อถามว่า ความสัมพันธ์รัฐบาลกับกองทัพตอนนี้ เป็นอย่างไร นายสุทิน กล่าวว่า เป็นไปโดยปกติที่ควรเป็น อย่างระบบราชการ ฝ่ายกำหนดนโยบาย กับข้าราชการ ที่ควรจะเป็น ซึ่งขณะนี้กลไกเดินไปได้อย่างสมบูรณ์ เมื่อถามว่า จะต้องถอดบทเรียนหรือไม่ เพราะที่ผ่านมานายกรัฐมนตรีที่มาจากพรรคเพื่อไทยมักถูกทำรัฐประหาร นายสุทิน กล่าวว่า แล้วแต่บริบท ตอนนั้นกับตอนนี้ ตนยังสบายใจ ไม่ได้กังวลอะไร ตนคิดว่าบริบทมันเปลี่ยนไปแล้ว เมื่อถามว่า มีสัญญาณอะไรหรือไม่ เพราะเป็นรัฐบาลมา6เดือนแล้ว นายสุทิน ยืนยันว่า ไม่มี มีแต่สัญญาณดีๆ “อันนี้จริงๆ นะ ไม่มีหรอก”
ผู้สื่อข่าวถามว่า มีการขัดใจทหารในการจัดซื้ออาวุธ มองว่าจะเป็นปัจจัยในการทำรัฐประหารหรือไม่ นายสุทินกล่าวว่า ไม่หรอก ถ้าเรามีเหตุผล อย่าไปค้านโดยไม่มีเหตุผล หรือคิดเป็นประโยชน์ส่วนตัว ถ้าเราค้านโดยมีเหตุผลเขาก็รับได้ แต่ถ้าจะไปคิดทำประโยชน์ให้กับตัวเอง หรือทำประโยชน์ทางการเมืองให้กับตัวเอง ตรงนี้ก็จะเป็นปัญหา เราก็หลีกเลี่ยง เรื่องอย่างนี้ไม่ให้เกิด เมื่อถามว่า มองตาผบ.เหล่าทัพ ไม่มีอะไรผิดปกติใช่หรือไม่ นายสุทิน กล่าวว่า ไม่รู้ ตนก็ว่าทุกคนเป็นคนรุ่นใหม่ ความคิดดีๆ ความคิดใหม่ๆ ทั้งนั้น
เมื่อถามว่า การที่นายกรัฐมนตรีออกมาระบุถึงกรณีที่รัฐบาลถูกวิพากษ์วิจารณ์เลียรองเท้าบู๊ตทหาร นายสุทินกล่าวว่า มองด้วยความเป็นธรรม ไม่มีอะไรไปเอาใจกัน ไม่มีเลย หลายเรื่องก็ยังขัดใจกันอยู่ อยากจะซื้อเรือ ก็ไม่ได้เรือ และในเร็วๆ นี้ มาตรการการซื้ออาวุธก็จะออกมา เป็นแบบ Package รวม ตอนนี้ตนได้ให้ที่ปรึกษารัฐมนตรี พล.อ.สมศักดิ์ รุ่งจิตตา, ผู้บัญชาการทหารสูงสุด และปลัดกระทรวงกลาโหม ไปศึกษาอย่างเร่งด่วน พอจบงบประมาณปี 2568 ไปปีงบประมาณ 2569 ต้องจัดซื้อแบบใหม่ “ไม่มีหรอก ไม่มีไปเลีย สิ่งเหล่านี้ไม่มี อยู่ตามเส้นของตัวเอง”
เมื่อถามอีกว่า ก่อนปี 2549 ทำ Package เสร็จ และนำเงินงบประมาณไปทำนโยบายประชานิยม ก่อนถูกปฏิวัติ นายสุทิน(ร้องอ๋อ) ตอนนั้น อย่างที่บอก ตอนนั้นกับตอนนี้คงไม่แล้ว วันนี้กองทัพเขาก็รู้ว่าสังคมก้าวไปขั้นไหน ก็ต้องปรับตัวอยู่ ไม่เป็นปัญหาหรอก เราก็บริหารไป บนความต้องการของประชาชน เขาก็รู้ ถ้าเราบริหารบนความต้องการของตัวเองมันก็จะยุ่ง เราก็ยึดหลักนี้ไว้
ด้าน นายวิสุทธิ์ ไชยณรุณ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย ในฐานะประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมรัฐบาล (วิปรัฐบาล) ให้สัมภาษณ์ถึงการเตรียมความพร้อมรับมือญัตติอภิปรายทั่วไปเพื่อซักถามข้อเท็จจริงหรือ หรือเสนอแนะปัญหาต่อคณะรัฐมนตรี (ครม.) โดยไม่มีการลงมติตามรัฐธรรมนูญมาตรา 152 ระหว่างวันที่ 3-4 เม.ย.นี้ หากฝ่ายค้านมีการพาดพิงถึง นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี และน.ส.แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ว่า ไม่จำเป็นต้องเตรียมองครักษ์คอยประท้วง ตามข้อบังคับการประชุมสภา หากไปพาดพิงบุคคลภายนอกโดยไม่จำเป็นประธานในที่ประชุมจะทักท้วง แต่ถ้ายังพาดพิงอยู่ก็ต้องรับผิดชอบผลทางคดีเอาเอง ไม่ใช่แค่นายทักษิณ หรือน.ส.แพทองธาร แต่รวมถึงบุคคลภายนอกอื่นๆ ที่ถูกกล่าวหา เพราะเขาไม่สามารถมาชี้แจงได้เหมือนรัฐมนตรี
"ถ้าพาดพิงแล้วไม่เสียหายก็ไม่เป็นไร แต่ถ้าเขาเสียหายก็เป็นเรื่องปกติที่จะดำเนินคดีอาญา ไม่ใช่ว่าปกป้อง หรือห้ามพูดถึง แต่ต้องรับผิดชอบผลการกระทำที่ตามมา เป็นแบบนี้มาทุกยุคสมัย ส.ส.ในสภาก็เคยถูกฟ้องร้อง ไม่ใช่เฉพาะเรื่องนายทักษิณอย่างเดียว" นายวิสุทธิ์กล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่า กังวลหรือไม่ หากฝ่ายค้านยื่นเรื่องที่อภิปรายให้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ตรวจสอบซ้ำ นายวิสุทธิ์ กล่าวว่า ไม่กังวล เพราะเชื่อว่ารัฐบาลไม่ได้ทำอะไรผิด และยังไม่ได้ใช้งบประมาณสักบาท ส่วนกรอบเวลาการอภิปรายนัน้ มองว่ากรอบเวลาที่แบ่งให้ฝ่ายรัฐบาล 4 ชั่วโมง ฝ่ายค้าน 22 ชั่วโมง ไม่เป็นธรรมเท่าไหร่ เพราะเมื่อดูจากการอภิปรายของ ส.ว.ที่ผ่านมา นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรมว.พาณิชย์ ยังมีเวลาชี้แจงแค่ 2 นาที ดังนั้น วิป 3 ฝ่าย ต้องมีการหารือตกลงกันอีกครั้ง ยืนยันว่าไม่ได้กีดกัน หรือเล่นเกมตัดเวลาฝ่ายค้าน แต่ต้องทำให้ยุติธรรมทุกฝ่าย
นายสรวงศ์ เทียนทอง ส.ส.สระแก้ว และเลขาธิการพรรคเพื่อไทย (พท.) ในฐานะรองประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมรัฐบาล (วิปรัฐบาล) กล่าวว่า ยืนยันพรรคเพื่อไทยไม่มีองครักษ์พิทักษ์ใครทั้งสิ้น แต่ฝ่ายค้านก็ต้องอภิปรายให้อยู่ในกรอบการสอบถามหรือแนะนำการทำงานของรัฐบาล ไม่ใช่การตีกินทางการเมืองหรือหลอกด่าฟรี ซึ่งพวกตนจะไม่ยอมให้เป็นแบบนั้นแน่นอน หากจะยื่นอภิปรายก็ยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจไปเลย
ผู้สื่อข่าวถามว่า หากมีการอภิปรายพาดพิงนายทักษิณและน.ส.แพทองธาร เตรียมรับมืออย่างไรบ้าง นายสรวงศ์ กล่าวว่า ทั้ง 2 ท่านเป็นบุคคลภายนอกไม่ได้อยู่ในที่ประชุมที่จะมาชี้แจงได้ ฉะนั้นการกล่าวถึงบุคคลภายนอกที่ไม่จำเป็นก็เป็นดุลพินิจของประธานในที่ประชุมว่าจะจัดการอย่างไรและต้องควบคุมการประชุม
เมื่อถามถึงกรณีที่น.ส.แพทองธารให้สัมภาษณ์ว่าให้ข้อมูลบางส่วนเกี่ยวกับนายทักษิณกับส.ส.พรรคเพื่อไทยแล้ว ได้รับข้อมูลอะไรบ้างหรือไม่ นายสรวงศ์ กล่าวว่า ไม่มีอะไรแปลกใหม่ เป็นข้อมูลที่พวกเรารู้กันตามหน้าสื่อมาโดยตลอดไม่ว่าจะเป็นการกลับมา การรับโทษ อาการป่วยของท่าน แต่หากจะมีการโยงไปถึงเรื่องอื่นๆ เราคงยอมไม่ได้ เพราะไม่เกี่ยวกับการบริหารประเทศของรัฐบาล ย้ำว่าท่านเป็นบุคคลภายนอก ไม่สามารถมาชี้แจงในที่ประชุมได้
เมื่อถามต่อว่า หากมีการอภิปรายพาดพิงจริงๆ สมาชิกพรรคเพื่อไทยก็จะชี้แจงได้ใช่หรือไม่ นายสรวงศ์ กล่าวว่า ใช่ เรายึดตามข้อบังคับข้อ 9 คือประท้วงให้ประธานในที่ประชุมควบคุมการประชุม และตามรัฐธรรมนูญมาตรา 152 คือการซักถามข้อเท็จจริงกับครม. รวมถึงข้อ 69 หากมีการพูดจาเสียดสีหรือเอ่ยถึงบุคคลภายนอกหากไม่จำเป็นก็ประท้วงได้ ทั้งนี้ ทางพรรคเราไม่ได้กำหนดตัวบุคคลว่าใครจะเป็นคนประท้วงเป็นการปฏิบัติหน้าที่ของ ส.ส. ซึ่งหากไม่จำเป็นก็ไม่อยากให้ประท้วง แต่หากมีการอภิปรายนอกประเด็นพวกเราก็ยอมไม่ได้ อีกอย่างคือเรื่องของกรอบเวลา
”สิ่งที่เกิดขึ้นจากการตกลงของวิปเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ทำให้เราต้องมาจัดเวลาใหม่ การอภิปรายในมาตรา 152 ไม่ใช่เรื่องของฝ่ายค้าน รัฐบาลก็สามารถอภิปรายได้ แต่เราให้เกียรติกันเพราะฝ่ายค้านเป็นผู้ยื่น เราจึงให้เวลาเขาไปเต็มที่ แต่สิ่งที่เขาทำเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาแสดงว่าเขาไม่ได้เคารพการพูดคุยของวิปเลย”
นายสรวงศ์ กล่าวต่อว่า ฉะนั้นวันที่2 เม.ย. ช่วงบ่าย นายพิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน รองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่ 2 จึงได้เรียกวิปฝ่ายค้านและรัฐบาลมาพูดคุยกันอีกครั้ง เพื่อพูดคุยเรื่องกรอบเวลาว่าเราจะเอาจำนวน ส.ส.หารเลย เพราะตามเดิมฝ่ายค้านจะได้เวลาทั้งหมด 22 ชั่วโมง ฝ่ายรัฐบาลมีประมาณ 4-5 ชั่วโมง ขณะที่ประธานมี 2 ชั่วโมง แต่ตนได้มีการพูดคุยในวิปรัฐบาลแล้วว่าหากฝ่ายค้านเล่นเกมการเมืองกันเช่นนี้ เราก็ต้องคุยกันใหม่ไม่มีทางที่คุณจะได้ 22 ชั่วโมงแล้วแน่นอน
นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรมว.พาณิชย์ ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีฝ่ายค้านตั้งหัวข้อการอภิปรายตามมาตรา 152 “รัฐบาลเพื่อใคร หัวใจไม่ใช่ประชาชน” ว่า ไม่อยากให้ใช้วาทกรรมในการทำงานการเมือง ต้องเอาความเป็นจริงมาพูดในรายละเอียด ซึ่งรัฐบาลเพื่อใคร หัวใจไม่ใช่ประชาชน คนที่ตอบได้คือประชาชน ไม่ใช่พรรคการเมืองที่เป็นฝ่ายค้านจะมาตอบ ประชาชนเขารู้ดีว่ารัฐบาลทำงานเพื่อใคร เรายึดมั่นประชาชนหรือไม่ อยากให้ดูที่นโยบายและการกระทำจะดีกว่า และการตั้งประเด็นตามมาตรา 152 เป็นการพูดคุย เสนอแนะปัญหาต่อรัฐ ไม่ใช่ตรวจสอบเพื่อให้รัฐบาลมีปัญหา เพราะถ้าจะทำอย่างนั้นต้องขอเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจตามมาตรา 151 ดังนั้น ขออย่าบิดเบือนประเด็น เอาการอภิปรายเรื่องข้อเสนอแนะมาเป็นประเด็นดิสเครดิตรัฐบาล มันไม่เป็นประโยชน์ การเลือกตั้งยังเหลืออีก 3 ปีครึ่ง ค่อยไปว่าตรงนั้นดีกว่า
“หมดสมัยแล้วใช้วาทกรรมปั๊มตราใคร แล้วให้คนอื่นมาพูด ที่บอกว่าจะทำการเมืองสมัยใหม่ร่วมกัน มีแต่ใช้วาทกรรมมาคอยจิกกัดเช่นนี้ มันไม่สร้างสรรค์ ถ้าสร้างสรรค์ให้มาเสนอแนะว่าไม่รับใช้ประชาชนตรงไหน หรือหัวใจเพื่อใคร จะตัดหัวใจออกมาดูร่วมกันว่าหัวใจใครเพื่อประชาชนกว่า ผมว่าให้ประชาชนเป็นคนตัดสิน อย่าใช้วาทกรรม เพราะไม่ใช่การเมืองใหม่ เป็นการเมืองเก่าที่หาคำพูดมาคอยจิกกัดโดยไม่ได้ดูความเป็นจริง ผมเสียใจที่เห็นน้องหลายคนซึ่งดูท่าว่าเป็นคนรุ่นใหม่ อยากทำการเมืองสมัยใหม่ แทนที่จะมาพูดคุยถึงความเป็นจริงแล้วมีข้อเสนอแนะ” นายภูมิธรรม กล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่า ฝ่ายค้านระบุจะมีบางประเด็นที่อาจต่อยอดด้วยการไปยื่นให้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) นายภูมิธรรม กล่าวว่า ทำได้อยู่แล้ว แต่ต้องมีหลักฐาน ไม่ใช่เสนอเป็นประเด็นการเมือง แล้วไปถึงเขารับหรือไม่รับ มันก็เปล่าประโยชน์ ไม่ควรเล่นการเมืองแบบนี้ มีอะไรควรพูดชัดเจน แค่ต้องการวาทกรรม พิธีกรรม แล้วดิสเครดิตรัฐบาล มันไม่ได้ช่วยให้รัฐบาลหรือประเทศดีขึ้นเลย ขออย่าเล่นการเมืองแบบเก่า มานั่งคอยจิกกัดกัน เสนอความเห็นดีๆ จะดีกว่า และที่ผ่านมารัฐบาลเพิ่งทำงาน ใช้ไปแต่งบไปพลางก่อน แต่งบลงทุนยังไม่มี
อย่างไรก็ตาม การอภิปรายครั้งนี้ รัฐบาลไม่ต้องเตรียมอะไร เรามีแต่ข้อเท็จจริงว่ายังไม่ได้ทำอะไร การทำงานการเมืองใหม่ต้องรอว่าเมื่อแถลงนโยบายแล้ว ทำงานตามนโยบายหรือไม่ มีปัญหาอะไรหรือไม่ หากมีอะไรผิดพลาดจะเสนออภิปรายไม่ไว้วางใจสภาก็ตรวจสอบอยู่แล้ววันนี้ไม่อยากทะเลาะเรื่องวาทกรรม แล้วมาคิดวาทกรรมใหม่ อย่างเช่น รัฐบาลเพื่อใคร หัวใจไม่ใช่ประชาชน ถ้าจะเถียงกันไปมาแล้วตนบอกว่า ฝ่ายค้านทำอะไร ก้าวไกลจะไปทางไหน แบบนี้มันไม่ควร
เมื่อถามว่า เตรียมรับมืออย่างไร กรณีมีการหยิบยกเรื่องนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ขึ้นมา นายภูมิธรรม กล่าวว่า นายทักษิณ อยู่นอกสภา ไม่มีตำแหน่งอะไร อย่าเข้าใจผิด คิดแต่กลัวว่านายทักษิณ มาแล้วจะมีความนิยมจากประชาชนที่ยังศรัทธา มีผลต่อเพื่อไทย อย่าคิดแต่เอาชนะทางการเมือง เพราะมันไม่ใช่การเมืองใหม่
นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรมว.มหาดไทย ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย (ภท.) ให้สัมภาษณ์ถึงฝ่ายค้านตั้งหัวข้อการอภิปราย”รัฐบาลเพื่อใคร ประชาชนไม่ได้อะไร” ว่า ต่างคนต่างมีแนวคิด ฝ่ายค้านจะมาเชียร์รัฐบาลก็ไม่ใช่ ยืนยันว่ารัฐบาลไม่มีคำว่าทำอะไรเพื่อตัวเอง ต้องทำให้กับประชาชน รัฐบาลจะอยู่ได้หรือไม่ได้อยู่ที่ประชาชน ถ้ารัฐบาลไม่ทำงานก็ไม่เคยเห็นรัฐบาลไหนอยู่รอดได้ หากคิดถึงประโยชน์เป็นหลัก ไม่นึกถึงประชาชน จอดทุกราย
ผู้สื่อข่าวถามว่า ฝ่ายค้านจะมีข้อมูลเด็ดทำลายรัฐบาลได้หรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า ฝ่ายค้านชุดน