"เวิลด์แบงก์" หั่นจีดีพีไทยปี 67 เหลือโต 2.8% จากเดิม 3.2% พิษ ศก.ซึม-งบประมาณล่าช้า

นายเกียรติพงศ์ อริยปรัชญา นักเศรษฐศาสตร์อาวุโสธนาคารโลก(เวิลด์แบงก์)ประจำประเทศไทยเปิดเผยว่า รายงานอัพเดทเศรษฐกิจเอเชียตะวันออกและแปซิฟิก เมษายน 2567 ได้ปรับลดประมาณจีดีพีของประเทศไทยมาที่ระดับ 2.8% จากเดิมที่ 3.2% ซึ่งเป็นผลมาจากปัจจัยทั้งภายนอกอันได้แก่ การชะลอตัวของการค้า รวมถึงความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ และปัจจัยภายในประเทศได้แก่ ความล่าช้าของงบประมาณที่ส่งผลต่อการใช้จ่ายภาครัฐ ขณะที่เงินเฟ้อที่ลดลงและติดลบนั้นเป็นผลจากการตรึงราคาพลังงาน โดยมองว่าในระยะต่อไปเงินเฟ้อจะเข้ากรอบเป้าหมายของธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.)

ทั้งนี้การคาดการณ์จีดีพีไทยดังกล่าว ไม่ได้รวมผลจากโครงการดิจิทัล วอลเล็ตของรัฐบาลที่ประเมินว่า จะมีผลต่อจีดีพีประมาณ 1% กระจายไปในปีนี้และปีหน้าหากสามารถทำได้ในช่วงไตรมาส 4 ของปีนี้ตามที่รัฐบาลได้แถลง แต่นโยบายดังกล่าวก็มีต้นทุนทางการคลัง ซึ่งประเมินว่าจะเป็นการเพิ่มหนี้สาธารณะในสัดส่วนประมาณกว่า 2%

ขณะเดียวกันประเทศไทยควรเน้นพัฒนาในด้านต่างๆอย่างยั่งยืน อาทิ ด้านการศึกษาให้สามารถกระจายได้อย่างทั่วถึงเท่าเทียม การพัฒนาด้านนวัตกรรม-โครงสร้างพื้นฐาน และทรัพยากรมนุษย์ เพื่อสร้างศักยภาพฝนการแข่งขันของประเทศในอนาคต และรองรับภัยพิบัติต่างๆที่อาจเกิดขึ้นจากสภาพภูมิอากาศที่เปลี่ยนแปลง และการพัฒนาเมืองรองต่างๆให้สามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุนให้มากขึ้น เพื่อเพิ่มการสร้างรายได้ในอนาคต โดยเฉพาะรายได้ด้านบริการที่ถือเป็นจุดแข็งของประเทศไทย ขณะที่สถานะทางการคลังก็เริ่มมีข้อจำกัดมากขึ้น จึงต้องมีการวางแผนในการปรับฐานะทางการคลังให้สมดุลโดยเฉพาะการจัดหารายได้

"เราอาจจะให้ความสำคัญเป้าหมายการเติบโตที่เป็นตัวเลข แต่อีกจุดที่สำคัญเป็นเรื่องของการพัฒนา และการปฎิรูปในอีกหลายๆด้าน ไม่ว่าจะเป็นด้านการศึกษา ทักษะแรงงาน การปฎิรูปธุรกิจไปสู่สังคม low carbon เพื่อให้เศรษฐกิจไทยเติบโตอย่างยั่งยืน รวมทั้งมีโอกาสเติบโตได้ถึง 5%ในอีก10ปีข้างหน้าก็เป็นได้"

#ธนาคารโลก #ดิจิทัลวอลเล็ต #ข่าววันนี้ #งบประมาณ67 #จีดีพี