วันที่ 31 มีนาคม 2567 นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ให้สัมภาษณ์พิเศษกับสำนักข่าว FRANCE 24 ประเทศฝรั่งเศส โดยได้ย้ำถึงนโยบายเร่งด่วน และนโยบายเศรษฐกิจของรัฐบาล โดยย้ำว่า ในช่วงการจัดตั้งรัฐบาลของตน ในระยะแรกสิ่งสำคัญที่สุดคือการกระตุ้นเศรษฐกิจ เนื่องจาก ในห้วง 9 ปีที่ผ่านมา ในมุมมองของตนนั้น เห็นว่า รัฐบาลชุดก่อน ยังละเลยปัญหาเศรษฐกิจไปบ้าง ดังนั้น รัฐบาลของตนจึงเน้นในการกระตุ้นเศรษฐกิจก่อน รวมถึงการจัดทำแผนระยะยาวสำหรับประเด็นสำคัญ ๆ เช่น การส่งเสริมการลงทุน ทั้งจากสหรัฐอเมริกา และจีน เป็นต้น 

นายกรัฐมนตรี ยังได้กล่าวถึงการได้พบกับนายเอ็มมานูเอล มาครอง ประธานาธิบดีฝรั่งเศส ในคราวการเดินทางเยือนฝรั่งเศสอย่างเป็นทางการ เมื่อต้นเดือนมีนาคมที่ผ่านมา โดยเห็นว่า นายมาครง มีวิสัยทัศน์ที่ยิ่งใหญ่ ใส่ใจโลก ซึ่งตนและนายมาครง ได้มีโอกาสพูดคุยถึงความสัมพันธ์ 300 ปีระหว่างไทย-ฝรั่งเศส และเป็นหนึ่งในคู่ค้าของไทยที่ยาวนาน พร้อมสนับสนุนวีซ่าเชงเก้นฟรีกับไทย ซึ่งในช่วงกลางเดือนพฤษภาคมนี้ ตนเองจะไปเยือนฝรั่งเศสอีกครั้ง เพื่อหารือถึงการประชุมนักธุรกิจชาวไทย และฝรั่งเศส โดยจะนำคณะผู้แทนบริษัทใหญ่ไปอย่างเต็มรูปแบบ และเชื่อว่า ฝรั่งเศส ก็จะนำบริษัทชุดใหญ่มาด้วย เพื่อหารือถึงการลงทุนระหว่างกัน 

นายกรัฐมนตรี ยังให้สัมภาษณ์ถึงนโยบายการนำกัญชาให้กลับมาอยู่ในบัญชียาเสพติด โดยเห็นว่า ที่ผ่านมาการประกาศให้กัญชาถูกกฎหมาย สร้างความเสียหายให้กับคนไทยอย่างใหญ่หลวง มากกว่าจะมีผลทางเศรษฐกิจ  

ส่วนความกังวลต่อสถานการณ์ทางการเมืองที่นายกรัฐมนตรี จากพรรคเพื่อไทยมักถูกรัฐประหารนั้น นายเศรษฐา ระบุว่า ตนเองไม่กังวลกับสิ่งที่ตนไม่สามารถควบคุมได้ แต่ตนจะให้ความสำคัญกับสิ่งที่ตนสามารถควบคุมได้ และตนเองก็เรียนรู้จากความผิดพลาดของรัฐบาลชุดก่อน รวมถึงมีเป้าหมายชัดเจนว่า ต้องการทำให้ชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนคนไทยดีขึ้น พร้อมมั่นใจว่า อนาคตของประเทศไทย จะเป็นประชาธิปไตยมากขึ้น เพราะมิเช่นนั้น ตนเองก็คงจะไม่ได้นั่งอยู่จุดนี้ 

นายกรัฐมนตรี ยังให้สัมภาษณ์ถึงการให้ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมแก่เมียนมาว่า หากมีผู้ต้องการขอความช่วยเหลือ รัฐบาลก็พร้อมช่วย แต่ขณะนี้ ก็มีผู้อพยพส่วนหนึ่งมาอยู่ในประเทศไทยแล้ว แต่เมื่อคราวที่นายเจค ซัลลิแวน ที่ปรึกษาความมั่นคงแห่งชาติจากสหรัฐอเมริกา และนายหวัง อี้ รัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศจากจีน ได้มาประชุมอย่างไม่เป็นทางการที่กรุงเทพฯ พร้อมร้องขอให้ประเทศไทย ทำหน้าที่เป็นคนกลาง ไม่ให้ปัญหาบานปลาย จนกลายเป็นสงครามกลางเมือง ดังนั้น ปัญหาผู้ลี้ภัยจึงไม่ใช่ปัญหาหลัก แต่ควรเน้นไปที่บทบาทของประเทศไทย จะมีบทบาทได้อย่างไรบ้าง เพื่อไม่ให้ปัญหาบานปลายจนกลายเป็นสงครามการเมือง