สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า บรรดาบริษัทสายการเดินเรือสินค้าระดับชั้นนำ รวมถึง “เอ็มเอสซี” บริษัทสายการเดินเรือขนาดใหญ่ที่สุดของโลก ได้ร่วมกันลอยแพผู้ส่งสินค้า ภายหลังจากเกิดเหตุสะพาน “ฟรานซิส สกอตต์ คีย์” ในเมืองบัลติมอร์ รัฐแมริแลนด์ ประเทศสหรัฐฯ พังถล่มจากการถูกเรือบรรทุกสินค้าพุ่งชน เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา
รายงานข่าวแจ้งว่า บริษัทเอ็มเอสซี ซึ่งมีสำนักงานใหญ่อยู่ในสวิตเซอร์แลนด์ ได้กลายเป็นบริษัทระดับชั้นนำรายล่าสุดที่ยกเลิกการส่งมอบสินค้านอกท่าเรือให้แก่ลูกค้าที่เป็นผู้ส่งสินค้า โดยสินค้าที่ถูกยกเลิกการส่งมอบนอกท่าเรือ เป็นสินค้าจากเรือที่ต้องเปลี่ยนจุดหมายปลายทางกระทันหัน เพราะท่าเรือในเมืองบัลติมอร์ ถูกทางการรัฐแมริแลนด์ สั่งปิดแบบไม่มีกำหนด อันเป็นผลสืบเนื่องจากสะพานพังดังกล่าวจนปิดกั้นเส้นทางการเดินเรือ
พร้อมกันนี้ รายงานข่าวเผยว่า การยกเลิกของบริษัทเอ็มเอสซีข้างต้น ทำให้บรรดาผู้ส่งสินค้าต้องรับผิดชอบเรื่องการขนสินค้าจากท่าเรือสำรองไปยังจุดหมายปลายทางกันเอง ซึ่งจะผลให้เกิดค่าใช้จ่ายเพิ่มสูงขึ้น และการขนส่งล่าช้ามากขึ้น
ทั้งนี้ จากเหตุการณ์ดังกล่าว สร้างความวิตกให้แก่ผู้เชี่ยวชาญที่แสดงทรรศนะก่อนหน้านี้ว่า จะทำให้เกิดผลกระทบด้านห่วงโซ่อุปทาน หรือซัพพลายเชน ในการเดินเรือขนส่งสินค้า เนื่องจากบัลติมอร์ เป็นเมืองท่าเรือที่มีเรือบรรทุกสินค้าคับคั่งพลุกพล่านมากเป็นอันดับ 9 ของโลก