ผู้สื่อข่าวรายงานว่าเมื่อวันที่ 27 มีนาคม 2567  จากกรณีที่มีเฟซบุ๊ก  ได้โพสต์คลิปเหตุการณ์ วัยรุ่นถืออาวุธมีดบุกไล่ฟัน ไล่ยิงกัน และปาระเบิด ในตัวอำเภออุทุมพรพิสัย จ.ศรีสะเกษ พร้อมเขียนข้อความระบุว่า “ณ.อำเภออุทุมพรพิสัย วันเสาร์ ที่ 3 มีนาคม เวลา 21:34 น. เหตุ น้องผมโดนฟันนิ้วขาด แจ้งความไว้ตั้งแต่วันเกิดเหตุ จนถึงตอนนี้คดีไม่คืบ น้องผมมันไม่รู้เรื่องอะไร แต่มาทำกันถึงขนาดนี้ ตำรวจทำอะไรได้บ้างครับผมถามที น้องผมไปแจ้งความ 2 ครั้ง แต่ตำรวจกลับเฉยเมย ถ้าเป็นลูกหลานพวกคุณที่มันไม่รู้เรื่องอะไรแต่กลับมาโดนอะไรแบบนี้ คุณจะทำยังไง?  ซึ่งหลังโพสต์คลิปได้ไม่นานได้มีชาวเน็ตแห่เข้ามาแสดงความคิดเห็นวิพากวิจารณ์เป็นจำนวนมาก

ล่าสุดทีมงานผู้สื่อข่าวได้ลงพื้นที่ไปดูจุดเกิดเหตุ ที่บริเวณหน้าตลาดสดเทศบาลตำบลกำแพง ใจกลางอำเภออุทุมพรพิสัย ซึ่งเป็นจุดที่กล้องวงจรปิดสามารถจับภาพเหตุการณ์ไล่ล่า ปาระเบิดของกลุ่มวัยรุ่นเอาไว้ได้  ชาวบ้านรายหนึ่ง อายุ 72 ปี เล่าว่า วันเกิดเหตุ ช่วงเวลาประมาณ 21.30 น. ของวันที่ 3 มี.ค. 2567 ขณะที่ตนนอนอยู่ในบ้าน ได้ยินเสียงดังคล้ายเสียงปืน เสียงระเบิดดังขึ้น รวม 6 ครั้ง อย่างต่อเนื่อง ตนไม่กล้าเดินออกมาดูเพราะเกรงว่าจะได้รับอันตราย กระทั่งรุ่งเช้าจึงรู้ว่าเกิดเหตุอะไรขึ้น

 

ขณะที่ นายบอย (นามสมมุติ) อายุ 16 ปี ชาว อ.โพนทราย จ.ร้อยเอ็ด ผู้ได้รับบาดเจ็บจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เล่าว่า ตนเป็นนักศึกษาชั้น ปวช.1 โรงเรียนเอกชนแห่งหนึ่งใน อ.อุทุมพรพิสัย และพักอยู่หอในภายในโรงเรียน วันเกิดเหตุขณะที่ตนและเพื่อนรุ่นพี่กำลังขับขี่รถจักรยานยนต์ ออกจากห้องพักไปหากินข้าว ไปตามถนนประชานิมิตร หมู่ 7 ต.กำแพง อ.อุทุมพรพิสัย จ.ศรีสะเกษ ได้มีกลุ่มวัยรุ่นชาย จำนวนประมาณ 9 คน สวมหมวกนิรภัยปิดบังใบหน้า ขับขี่รถจักรยานยนต์มากัน 3 คัน ติดตามตนและเพื่อนมา โดยมีรถจักรยานยนต์คันหนึ่ง เร่งเครื่องขับขึ้นมาเทียบข้างรถจักรยานยนต์ของตน แล้วปาระเบิดปิงปองใส่ พร้อมกับใช้มีดพร้าความยาว ประมาณ 1 ฟุต พยายามที่จะฟันตนแต่ฟันไม่ถูก เป็นเหตุให้รถจักรยานยนต์ของผู้แจ้งเสียหลักล้มลง

ซึ่งขณะที่ตนยืนอยู่บริเวณข้างรถ และกำลังจะวิ่งหลบหนี  ได้มีชายไทยไม่ทราบชื่อสกุล ลงจากรถจักรยานยนต์ แล้วใช้อาวุธมีดดังกล่าวฟันตน ที่บริเวณศีรษะ แต่ตนได้ใช้ท่อนแขนกันไว้ จึงถูกคมมีดตัดนิ้วโป้งซ้ายจนขาด และวิ่งหลบหนีกลุ่มวัยรุ่นดังกล่าวไป กลุ่มวัยรุ่นดังกล่าวจึงได้ขับขี่รถจักรยานยนต์ ถอยร่นหลบหนี จากนั้นตนจึงได้เข้ารักษาตัวที่โรงพยาบาลอุทุมพรพิสัย และถูกส่งต่อที่โรงพยาบาลศรีสะเกษ เพื่อทำการผ่าตัดด่วน

เบื้องต้นคาดว่าหนึ่งในผู้ก่อเหตุ คือ นายมอส (นามสมมุติ) อายุ 18 ปี ชาวบ้านในพื้นที่ ซึ่งเคยมีปัญหากับเพื่อนในกลุ่มของตน และคาดว่ากลุ่มคนร้ายน่าจะจำผิดคน คิดว่าตนเป็นคู่อริ เนื่องจากตนอาจหน้าตาคล้ายคลึงกัน จึงอาจเข้าใจผิดไล่ฟันทำร้ายดังกล่าว เบื้องตนตนก็ยังคงอยากเรียนที่นี่ต่อ แต่ก็กลัวเรื่องความปลอดภัย เพราะตนเป็นคนนอกพื้นที่ จึงอาจย้ายไปเรียนที่อื่น 

ส่วน นายสมชาย  อายุ 46 ปี ญาติของผู้บาดเจ็บ เล่าว่า ตนเห็นว่าคดีไม่มีความคืบหน้า จึงได้ยื่นมือเข้ามาช่วย ช่วยในเรื่องของการตามหาภาพจากกล้องวงจรปิด ตามหาหลักฐานเองทุกอย่าง เพราะทางเจ้าหน้าที่บอกให้ผู้เสียหายไปเอาหลักฐานมายืนยัน ตนก็คิดว่าผู้เสียหายจะไปเอาหลักฐานมาจากไหน เวลาเหตุเกิดขึ้นแล้วเจ้าหน้าที่ต้องไปเอาหลักฐานหรือเก็บหลักฐานให้ทันท่วงที เหตุเกิดผ่านมาครึ่งเดือน ผู้เสียหายต้องวิ่งหาหลักฐานด้วยตัวเอง วิ่งหาอยู่ 2 วันเต็มๆ ทางผู้เสียหายได้หลักฐานมาบางส่วน แล้วเอาไปมอบให้เจ้าหน้าที่ และอยากฝากให้ทางสื่อมวลชนช่วยเหลือ ไม่อยากให้มีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นอีก ถือว่าเป็นเรื่องอุกอาจที่เกิดขึ้นในใจกลางเมือง ที่เกิดเหตุไม่ได้อยู่บ้านนอก อีกทั้งมีทั้งมีดทั้งระเบิด แต่เจ้าหน้าที่ไม่สามารถจับคนร้ายได้ ถ้าเป็นนี้ แบบประชาชนไม่รู้จะอยู่ยังไงต่อไป

ขณะที่ นางไล   อายุ 46 ปี ชาว ต.ยางคำ อ.โพนทราย จ.ร้อยเอ็ด กล่าวว่า พอได้ยินข่าวว่าลูกถูกฟันนิ้วขาด แม่รู้สึกตกใจ ทำอะไรไม่ถูก เพราะที่บ้านแม่ต้องดูแลยายป่วยติดเตียงและลูกชายคนโตที่พิการช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ หลังจากรู้ข่าวว่าลูกถูกฟันแม่ได้ปรึกษาญาติและได้เหมารถมาดูลูกชาย ที่โรงพยาบาลอำเภออุทุมพรพิสัย พอแม่มาเจอสภาพลูกชายครั้งแรกรู้สึกสงสารและเสียใจมาก อยากให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องช่วยเหลือลูก และอยากฝากถึงคนที่ก่อเหตุ ถ้ากล้าทำ ก็ต้องกล้ารับ อยากให้ผู้ก่อเหตุออกมารับผิดชอบกับเหตการณ์ที่เกิดขึ้น ส่วนเรื่องของการเรียนต่อ แม่ไม่อยากให้ลูกเรียนต่อที่นี่ เพราะกลัวลูกไม่มีชีวิตรอดกลับไปบ้าน และอาจให้ลูกย้ายไปเรียนที่อื่น เพราะห่วงความปลอดภัยของลูกเป็นที่สุด ส่วนทางคดีความก็ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินคดีกับกลุ่มผู้ก่อเหตุให้ถึงที่สุด

พ.ต.อ.นิลกาฬ พรศักดิ์ ผกก.สภ.อุทุมพรพิสัย กล่าวว่า ในส่วนของคดี หลังเกิดเหตุตนได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน สภ.อุทุมพรพิสัย เร่งแกะร่องรอยคนร้ายจากกล้องวงจรปิด และพยานในที่เกิดเหตุแล้ว แต่เนื่องจากกลุ่มคนร้ายซึ่งคาดว่าเป็นเยาวชน ได้สวมหมวกกันน็อค ปิดบังใบหน้าทุกคน จึงยังไม่สามารถระบุตัวคนร้ายได้อย่างชัดเจน ประกอบกับผู้ก่อเหตุและผู้เสียหาย เป็นเยาวชนทั้งสองฝ่าย จึงต้องมีสหวิชาชีพร่วมสอบสวนด้วย แต่เบื้องต้นทางตำรวจพอจะรู้ตัวคนร้ายแล้ว รอเพียงพยานปากเอกที่เคยรู้จักกับกลุ่มคนร้ายกลุ่มนี้ ซึ่งตอนนี้อยู่กรุงเทพมหานคร และกำลังจะเดินทางมาให้ข้อมูลกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ เพื่อระบุตัวผู้ต้องสงสัย และจะดำเนินการจับกุมตัวมาสอบสวนเพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป