เมื่อวันที่ 27 มี.ค.67 เวลา 22.07 น. พันตำรวจโท บุญช่วย ร่วมสมัคร สว.สอบสวน สน.บางมด รับแจ้งมีเหตุเพลิงไหม้บ้านเรือนประชาชนภายในซอยพระรามที่ 2 ซอย3 จึงรีบรุดจัดกำลังพร้อมประสานเจ้าหน้าที่ดับเพลิงและกู้ภัย จอมทอง พร้อมทั้งอาสาสมัครมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง เร่งรัดตรวจสอบที่เกิดเหตุทันที
เมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจพร้อมเจ้าหน้าที่ดับเพลิงมาถึงที่เกิดเหตุพบจุดเกิดเหตุอยู่ภายในบ้านหลังหนึ่ง ซอยพระรามที่ 2 ซอย 3 แขวงบางมด เขตจอมทอง กรุงเทพมหานคร ประกอบกิจการทำเป็นโรงงานพลาสติก เป็นลักษณะเป็นทาวน์เฮ้าส์ สูง 2 ชั้น ปลูกติดกันเป็นจำนวน 10 คูหา พบแสงเพลิงและกลุ่มควันเกิดขึ้นเป็นจำนวนมากบริเวณภายในด้านหลังของตัวบ้านดังกล่าว และรุกรามอย่างรวดเร็วขึ้นสู่ชั้นที่สองของตัวบ้าน เจ้าหน้าที่ดับเพลิงจึงเร่งรัดจัดวางหัวฉีดน้ำเร่งระงับเหตุโดยทันที ใช้เวลาทั้งสิ้นกว่า 40 นาที เพลิงจึงสงบลง และจากการตรวจสอบภายในที่เกิดเหตุไม่พบผู้ได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิตจากเหตุการณ์ดังกล่าว
จากการสอบถามคุณนุ้ย อายุ 37 ปี อยู่บ้านฝั่งตรงข้ามที่เกิดเหตุ บอกเล่าว่า ตนอยู่ในบ้าน แล้วมีรถมอไซค์ขี่มาจอด แล้วหันมาถามตนว่า ได้กลิ่นเหม็นไหม้ควันไฟมั้ย ตนก็มองไปรอบๆ ก็เห็นควันขึ้นดำเลย แล้วก็ได้ยินเสียงดังระเบิดปุ๊ป๊ะ ข้างในจึงรู้ว่าเหตุเกิดจากบ้านนี้ ชาวบ้านก็เริ่มออกกันมาละ ก็ช่วยกันแจ้ง สักพักรถดับเพลิงก็มา และช่วยกันเปิดประตู พอเปิดได้ก็เห็นแสงไฟอยู่ข้างใน ตอนเกิดเหตุไม่มีคนอยู่ เพราะโรงงานปิดแล้ว เลิกงานกันหมดแล้ว บ้านนี้เค้าเป็นโรงงานทำรองเท้า
ส่วนนางวิมลฑา อายุ 45 ปี บอกเล่าว่า ตอนแรกมันมีแต่ควัน ขึ้นด้านหลัง ก็ช่วยกันหา แล้วไฟมันก็ลุกขึ้นมาด้วย พอช่วยกันมองหาพอรู้แน่ชัดว่าบ้านหลังนี้ก็ช่วยกันทุบประตูออกก็เห็นไฟลุกมากขึ้นแล้ว น่าจะไฟลัดวงจรหรือ เปิดเครื่องทิ้งไว้นี่แหละ เพราะไม่มีใครอยู่เลย เป็นโรงงานฉีดพลาสติก ตอนแรกมันมีไฟนิดเดียว พอเปิดประตูได้ ไฟมันก็ลามไปเยอะแล้ว ประตูมันล๊อคแน่น ตอนแรกเปิดกันไม่ออก
ทางด้าน นายวิฑูรย์ (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 61 ปี เจ้าของโรงงาน กล่าวว่า โรงงานของตนจะผลิตรองเท้าพลาสติกตอนเกิดเหตุตนอยู่ที่บ้านส่วนที่โรงงานจะไม่มีคนอยู่ด้านหลังตรงบริเวณที่เกิดเหตุจะเป็นเครื่องพ่นสี ด้านซ้าย และก็จะมีตู้อบพลาสติกแล้วก็มีปั้มลม ส่วนสาเหตุของการณ์เกิดเพลิงไหม้ครั้งนี้น่าจะเกิดจากการเปิดตู้อบพลาสติกเอาไว้ เพราะว่าเปิดเครื่องตู้อบเอาไว้ตนก็เลยคาดว่าน่าจะมาจากตรงนั้น
เบื้องต้นบ้านที่ถูกเพลิงไหม้จำนวน 2 หลัง และอีกสองหลังที่ปลูกติดกันซึ่งเป็นลักษณะโรงงานพลาสติกเหมือนกันก็ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ดังกล่าวไปด้วย ส่วนมูลค่าความเสียหายทั้ง 2 โรงงานนั้นอยู่ในขั้นตอนของการประเมิณราคาความเสียหายจากเจ้าหน้าที่ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องต่อไป ส่วนสาเหตุของเหตุการณ์เพลิงไหม้ในครั้งนี้เจ้าหน้าที่ยังหาข้อสรุปสาเหตุยังไม่ได้ต้องรอให้เจ้าหน้าที่ผู้ชำนาญการลงพื้นที่ตรวจสอบอย่างละเอียดอีกครั้งถึงจะสรุปสาเหตุของเหตุการณ์ดังกล่าวได้แล้วจะดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมายต่อไป