กกต.ไฟเขียว ทักษิณ เข้าพรรคเพื่อไทย-เดินสายทั่วประเทศ ไม่ถือเป็นการครอบงำพรรค ขออย่าคิดไปเอง ต้องดูข้อกฎหมาย เทียบสิ่งที่ปฏิบัติจริง ชี้ถ้าเข้าข่าย-มีพยานหลักฐาน พร้อมตรวจสอบ 'อนุทิน อุบวันพบ ทักษิณ ชี้เป็นเรื่องส่วนตัว ไม่เกี่ยวข้องงานราชการ ย้ำเป็นอดีตผู้บังคับบัญชา-ผู้มีพระคุณทางการเมือง

     เมื่อวันที่ 27 มี.ค.67 นายอิทธิพร บุญประคอง ประธานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่อยู่ระหว่างการถูกพักโทษ ตามระเบียบของกรมราชทัณฑ์ ไปปรากฏตัวที่ทำการพรรคเพื่อไทย เมื่อวันที่ 26 มี.ค.ที่ผ่านมา เข้าข่ายเป็นการครอบงำพรรคการเมืองหรือไม่ ว่า กกต. มีหน้าที่ดูแลพรรคการเมือง โดยห้ามพรรคการเมืองพรรคใดยินยอมให้บุคคลใดครอบงำพรรคการเมืองตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง มาตรา 28 และ 29 เพราะฉะนั้นถ้ามีการกระทำใด ๆ ที่อาจจะเข้าข่ายเป็นการฝ่าฝืนกฎหมายดังกล่าว ก็เป็นเรื่องที่ กกต.สามารถดำเนินการได้

     เมื่อถามย้ำว่า การที่นายทักษิณไปปรากฏตัวที่พรรคเพื่อไทย โดยมีสมาชิก มีนักการเมือง มีรัฐมนตรีไปต้อนรับ แตกต่างจากการเดินทางไปที่จังหวัดเชียงใหม่ ถือว่าผิดกฎหมายหรือไม่ นายอิทธิพร กล่าวว่า ต้องดูกฎหมาย แต่กรณีการปรากฏตัวไม่ถือเป็นการครอบงำ หากมีข้อเท็จจริงที่ชัดเจนว่าเป็นการครอบงำ เมื่อนั้นก็ถึงเวลาที่ กกต.จะต้องปฏิบัติตามกฎหมาย
    
 เมื่อถามว่า หากเข้าห้องประชุมและมีการมอบนโยบายจะถือว่าเป็นการครอบงำหรือไม่ นายอิทธิพร กล่าวว่า ต้องดูข้อเท็จจริงที่มี ส่วนข้อสันนิษฐานอะไรพวกนี้จะเอามาพิจารณาไม่ได้ แต่ทุก ๆ เรื่องเวลาที่เกิดการเคลื่อนไหวทางการเมือง สำนักงาน กกต. จะมีการติดตามเรื่องรวบรวมข้อเท็จจริง หากมีประเด็นเพียงพอจะเสนอให้ เลขาธิการ กกต. ในฐานะนายทะเบียนพรรคการเมือง พิจารณาว่า สมควรจะต้องตั้งกรรมการ รวบรวมข้อเท็จจริงและพยานหลักฐานหรือไม่ ถ้าเห็นว่าสมควร ก็ต้องตั้ง ทำการสืบพยานรวบรวมเอกสารให้ครบถ้วน และพิจารณาว่าเป็นการฝ่าฝืนกฎหมายหรือไม่
     
เมื่อถามว่าการที่นายทักษิณเดินสายต่างจังหวัด พบประชาชน และสมาชิกพรรค สามารถทำได้หรือไม่ นายอิทธิพร กล่าวว่า ถ้าการกระทำใด ๆ ไม่เข้าข่ายที่จะถือได้ว่าเป็นการครอบงำ ก็ไม่สามารถที่จะไปห้ามได้ ต้องมีข้อเท็จจริง มีพฤติการณ์ที่พูดได้ว่าเป็นการครอบงำ ซึ่งคงไม่สามารถไปตัดสินได้จากข้อเท็จจริงปรากฏเฉยๆ คงไม่ได้
     
เมื่อถามว่ามีการมองว่าเป็นเรื่องของครอบครัว ดังนั้นกันทำกิจกรรมเกี่ยวกับครอบครัวกับการครอบงำ แตกต่างกันหรือไม่ นายอิทธิพร กล่าวว่า ไม่ใกล้เคียงกันเลย สิ่งที่ใกล้เคียงกันมีเพียง ค.ควาย
     
ที่ทำเนียบรัฐบาล นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรมว.มหาดไทย ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย  กล่าวถึงกำหนดการเข้าพบนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯว่า "ไม่บอก จะบอกทำไม" ผู้สื่อข่าวถามย้ำว่า เมื่อวานนี้นายทักษิณได้ระบุว่าไม่ว่าจะเป็นใครก็พร้อมให้คำปรึกษา นายอนุทิน กล่าวว่า เราเอาเรื่องที่เป็นหน้าที่ของเราดีกว่า ส่วนสมมติว่าจะเข้าพบนายทักษิณ ตนคงพบในฐานะที่เป็นอดีตผู้ใต้บังคับบัญชา เป็นผู้ที่มีพระคุณในอดีต ให้โอกาสเราทำงานมาจนถึงวันนี้ ซึ่งไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร คงไม่ต้องมานั่งบอกผู้สื่อข่าวว่าตนจะไปพบวันนั้นวันนี้ ไม่ใช่ เพราะนั่นเป็นเรื่องส่วนตัว ไม่ได้มีอะไรเกี่ยวข้องกับงานราชการแผ่นดิน
      
 "หากจะไปก็ต้องไปในเวลาส่วนตัว ไม่ใช่เวลาปฏิบัติหน้าที่ราชการ ไปแสดงความคารวะ ซึ่งตนบอกมาตลอดว่าเป็นผู้ที่มีพระคุณทางการเมือง มากๆคนหนึ่ง มาอยู่ตรงนี้ได้ ถ้าวันนั้นในปี 2547 นายทักษิณไม่ให้โอกาส รัฐมนตรีช่วยในรัฐบาลของนายทักษิณ ก็ไม่มีวันนี้ คิดแบบนี้ก็สบายใจ"
    
 ผู้สื่อข่าวถามย้ำว่า ไม่ว่าจะเป็นรัฐมนตรีท่านใดจะมาขอคำปรึกษา ก็พร้อมให้คำปรึกษา เรื่องการทำงานในรัฐบาล นายอนุทิน ถามกลับว่าแล้วท่านพูดผิดตรงไหน ให้คำปรึกษา ท่านไม่ได้บอกสักคำว่าท่านจะสั่งการ ท่านจะเรียกรัฐมนตรีมาสั่งการให้ทำนู่น ทำนี่ เพราะท่านทำไม่ได้ คนที่จะสั่งการรัฐมนตรีให้ทำนู่นทำนี่ได้ คือนายกรัฐมนตรี ท่านก็พูดถูกต้องทุกอย่างเพราะฉะนั้นเราอย่าไปจับคำพูดทีละคำ แล้วพยายามมาทำให้ตีความ เกิดความสงสัยประชาชนไม่ควรมีความสงสัย ในเรื่องแบบนี้
    
 ผู้สื่อข่าวถามต่อว่า มีบางส่วนเกิดข้อสงสัยเรื่องของนายกฯ 2 คน นายอนุทิน ยืนยันว่านายกรัฐมนตรีมีคนเดียว พร้อมขออย่าไปพูดสองสามคน พร้อมกล่า ย้ำว่าอย่าลืมว่าใครเป็นคนตั้งนายกฯ ฉะนั้นอย่าไปพูด 2 คน 3 คน อันนี้ไม่ถูก และมีรัฐมนตรี 35 คน
     
ด้าน นายวราวุธ ศิลปะอาชา รมว.การพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ในฐานะหัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา ยังกล่าวถึงกรณี นายทักษิณ เดินทางเข้าพรรคเพื่อไทยเมื่อวานนี้ (26 มี.ค.) จนมีกระแสการปรับคณะรัฐมนตรีว่า จริงๆ ข่าวนี้ก็มีมาระยะหนึ่งแล้ว หากว่าขณะนี้แกนนำของพรรคเพื่อไทย ไม่ว่าจะเป็นหัวหน้าพรรค ผู้บริหารพรรค หรือแม้แต่พ่อของหัวหน้าพรรค (นายทักษิณ) มีการเคลื่อนไหวอย่างไร เชื่อว่าก็คงจะถูกตีความหมายไปต่างๆ นานา ว่าจะเกี่ยวข้องกับการปรับคณะรัฐมนตรี แต่อย่างที่ตนเคยกล่าวไปว่า ช่วงที่จะมีการปรับคณะรัฐมนตรีนั้น ท้ายที่สุดคงจะมีการพูดคุยกันในระหว่างพรรคร่วมรัฐบาลอย่างแน่นอน เมื่อถามว่า ขณะนี้มีการประเมินผลงานของบรรดารัฐมนตรีแต่ละคนแล้วหรือไม่ นายวราวุธ ตอบว่า นายกฯ ยังไม่มีการพูดถึง แต่จากการที่ประชุมคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 26 มี.ค. ทางสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน หรือบีโอไอ ได้เข้ามารายงานสภาพความคืบหน้าของการลงทุนจากต่างชาติ ที่จะมาลงทุนในประเทศไทย ก็ได้เห็นผลจากการที่นายกฯ เดินทางไปหลายประเทศ จึงได้ฝากทั้งบีโอไอและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องว่า ควรเร่งประชาสัมพันธ์ว่าตอนนี้คืบหน้าด้านการลงทุนในประเทศไทยไปอย่างไรแล้ว