วันที่ 27 มี.ค.2567 เวลา 12.00 น.ผู้สื่อข่าวรายงาน ว่า ที่ศูนย์ประสานงานเครือข่ายคนเสื้อแดงภาคอีสาน ริมบึงหนองโคตร ต.บ้านเป็ด อ.เมือง จ.ขอนแก่น ผศ.พรรณวดี ตันติศิรินทร์ ที่ปรึกษาเครือข่ายกลุ่มสตรี 20 จังหวัดภาคอีสานและอดีตแกนนำคนเสื้อแดง ภาคอีสาน เปิดเผยว่า เป็นความดีใจอย่างมากที่นายทักษิณ  ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เดินทางมาที่พรรคเพื่อไทย เมื่อวานที่ผ่านมา (26 มี.ค.) ซึ่งเป็นการกลับเข้าที่ทำงานเดิมในรอบกว่า 17 ปี ซึ่งก็ยอมรับว่า กลุ่มแนวร่วม นปช.,กลุ่มคนเสื้อแดงและคนที่รักในอดีตนายกทักษิณ นั้นอิจฉาคณะรัฐมนตนี,สส.และสมาชิกพรรคเพื่อไทย มารอให้การต้อนรับเมื่อวานอย่างมาก ซึ่งโดยส่วนตัวมองว่าเป็นความน่ายินดีและดีใจที่สุดหลังจากที่คนที่รักกลับประเทศไทยและกลับมาในที่ที่เคยทำงาน ท่ามกลางการต้อนรัที่อบอุ่น แม้จะมีบางพวกบางกลุ่มใช้วาทะกรรมทางกรเมืองมาเหมารวมและคิดไปต่างๆนานา

ซึ่งภาพที่เห็นคือท่านนายกทักษิณยังไม่แก่ และมีแรงที่จะกลับมาทำงานเพื่อประเทศ ท่ามกลางการรักษาของทีมแพทย์จากอาการต่างๆที่เป็นอยู่ ดังนั้นการกลับมาพรรคเพื่อไทย ท่านไม่น่าจะเป็นสมาชิกพรรคแต่จะใช้ความรู้ความสามารถมาเป็นที่ปรึกษาให้กับคณะทำงานของพรรคเพื่อไทย หรือท่านรัฐมนตรีคนใดที่ต้องการขอรับคำปรึกษาจากท่าน แต่ทุกอย่างต้องอยู่ภายใต้เงื่อนไขของการพักโทษตามระเบียบและข้อกฎหมายที่กระทรวงยุติธรรมกำหนด ดังนั้นการที่ท่านเดินทางไปเชียงใหม่ ไปกราบรรพบุรุษและกลับบ้าน และการมาที่พรรคเพื่อไทย มาพบปะกับผู้ที่ให้การเคารพนับถือและกลับที่ทำงานเดิม ดังนั้นคนเสื้อแดงอีสาน และคนอีสานที่รักในตัวท่านทักษิณ ก็มีความหวังว่าท่านมาเยือนอีสาน มากินข้าวเหนียว ส้ม ตำ ไก่ย่าง กับคนอีสานในเร็วๆนี้

ทั้งนี้ ผศ.พรรณวดี กล่าวต่ออีกว่า ยอมรับว่าขณะนี้คนเสื้อแดงต่างมีความหวังและพร้อมที่จะไปต้อนรับอดีตนายกรัฐมนตรีในดวงใจ หากมีกำหนดการมาเยี่ยมเยือนคนอีสานไม่ว่าจะเป็นจังหวัดใด มั่นใจว่าคนเสื้อแดง,แนวร่วม นปช.และคนที่รักในตัวท่านจะไปรอต้อนรับไปพบปะกันนับหมื่นคน แม้บางคนรู้ตัวเองว่าจะไม่ได้ใกล้ชิดหรือเข้าถึงตัวท่าน แต่ขอเพียงได้เห็นไกลๆหรือได้ไปถือป้ายต้อนรับคนที่รัก และอดีตนายกรัฐมนตรีเพียงได้เห็นว่ามาจากจังหวัดใดบ้างมารอรับท่านแค่นี้ก็สุขใจแล้ว อย่างไรก็ตามแม้การกลับพรรคเพื่อไทยในรอบ  17 ปีของอดีตนายกรัฐมนตรี หลายคนจะมองว่ามีจุดประสงค์ทางการเมืองหรือนัยยะทางการเมือง ซึ่งก็เป็นไปตามแต่ละคนจะคิดต่างๆนานา ซึ่งโดยส่วนตัวแล้วพรรคเพื่อไทยนั้นมีระบบการประเมินผลงาน ส.ส.และระบบการประเมินผลงาสนคณะรัฐมนตรีทุกคนและทุกตำแหน่ง ดังนั้นหากจะมีการประเมินผลงานและมีการปรับรัฐมนตรี หลังจากทำงานมาได้  6 เดือนก็ไม่ใช่เรื่องแปลก จึงอยากให้คนที่คิดต่างนั้นเหมารวม และจับอะไรมาชนกันไปหมดจนกลายเป็นกระแสหรือวาทะกรรมที่ทำร้ายประเทศเช่นนี้