วันที่ 26 มี.ค.67 นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ เปิดเผยว่า ได้ส่งหนังสือขอให้ ป.ป.ช. รีบดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงในคำพิพากษาเกี่ยวกับการประเมินภาษีนายทักษิณ ชินวัตร ซึ่งตามคำพิพากษาของศาลภาษีอากรกลาง และคำพิพากษาของศาลอุทธรณ์ชำนัญพิเศษ ได้พิพากษาว่า การประเมินภาษีนายทักษิณ ไม่ชอบ ซึ่งเรื่องนี้ เกี่ยวข้องกับรองนายกฯ (นายวิษณุ เครืองงาม) และเจ้าหน้าที่ของกรมสรรพากร ที่อ้างบทบัญญัติตามมาตราต่าง ๆ ในประมวลรัษฎากร ไปประเมินภาษีนายทักษิณ ชินวัตร รวมทั้งสิ้น 17,629,585,191 บาท ในการประเมินดังกล่าวจากการที่อธิบดีกรมสรรพากรรายงานต่อกมธ.งบฯ67ว่า มีการอายัดทรัพย์สินนายทักษิณ ไว้ประมาณ 45 ล้านบาท ตนจึงขอให้กรมสรรพากรส่งสำเนาคำพิพากษามาตรวจสอบ
นายเรืองไกร กล่าวว่า จากการตรวจสอบคำพิพากษาของศาลภาษีอากรกลาง และคำพิพากษาของศาลอุทธรณ์ชำนัญพิเศษ ซึ่งทั้งสองศาลเห็นว่า การประเมินภาษีนายทักษิณ ตามมาตรา 19 และมาตรา 61 แห่งประมวลรัษฎากร ไม่ชอบ และให้เพิกถอนการประเมินดังกล่าว ก่อนมีคำพิพากษา ตนเคยขอให้ ป.ป.ช. ตรวจสอบเพื่อกล่าวหาว่าการประเมินไม่ชอบมาก่อนแล้ว ตั้งแต่วันที่ 21 เม.ย. 60 และต่อมาวันที่ 14 ธ.ค.60 ป.ป.ช. จึงตอบหนังสือมาว่า หากมีข้อมูลหรือข้อเท็จจริงที่จะสนับสนุนว่าข้อกล่าวหาร้องเรียนมีมูล โปรดแจ้งข้อมูลหรือข้อเท็จจริงพร้อมส่งเอกสารหลักฐานที่เกี่ยวข้องไปให้ ป.ป.ช. ด้วย
นายเรืองไกร กล่าวว่า มาถึงวันนี้ เมื่อได้อ่านคำพิพากษาของศาลภาษีอากรกลาง และคำพิพากษาของศาลอุทธรณ์ชำนัญพิเศษ ที่กรมสรรพากรส่งให้แล้ว กรณี จึงมีข้อมูลหรือข้อเท็จจริงที่จะสนับสนุนว่าข้อกล่าวหาร้องเรียนมีมูล ซึ่งโดยผลของคำพิพากษา จึงมีเหตุอันควรขอให้ ป.ป.ช. ดำเนินการตามหน้าที่และอำนาจด้วยการตรวจสอบ รองนายกรัฐมนตรี (นายวิษณุ เครืองาม) เจ้าหน้าที่ของกรมสรรพากร คณะกรรมการวินิจฉัยอุทธรณ์ ว่าเข้าข่ายอาจมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 กรณีประเมินภาษีนายทักษิณ โดยไม่ชอบ หรือไม่
#ทักษิณชินวัตร #เรืองไกร #สรรพากร #ศาลภาษีอากรกลาง #ข่าววันนี้