เช็กที่นี่! แบงก์รัฐออกมาตรการช่วยประชาชน ลดต้น-ดอกเบี้ย-กู้เพิ่ม

จากกรณีที่สถานการณ์ปัจจุบันเศรษฐกิจไทยยังเติบโตในอัตราชะลอตัวซึ่งคาดการณ์ว่าเศรษฐกิจจะเติบโต 2.8% ในปี 2567 ขณะที่อัตราดอกเบี้ยนโยบายของไทยอยู่ในระดับสูงที่ 2.5% ต่อปี อัตราเงินเฟ้อทั่วไปอยู่ในระดับต่ำ และชะลอตัวลงต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 5 แม้ส่วนหนึ่งเกิดจากราคาสินค้ากลุ่มพลังงานที่ลดลงตามมาตรการช่วยเหลือของภาครัฐ แต่โดยรวมเป็นการบ่งชี้ถึงกำลังซื้อภายในประเทศที่อ่อนแอ นอกจากนี้ สถานการณ์ดอกเบี้ยที่ปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ส่งผลกระทบต่อประชาชนทุกกลุ่ม ทำให้มีภาระผ่อนชำระต่อเดือนเพิ่มขึ้น ในขณะที่ศักยภาพในการหารายได้ไม่ได้เพิ่มขึ้นตามไปด้วย ส่งผลต่อต้นทุนการผลิต ทำให้ราคาสินค้ามีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้น กระทบขีดความสามารถในการแข่งขันด้านราคา กระทบการส่งออก และกระทบต่อการขยายตัวทางเศรษฐกิจในภาพรวม ดังนั้นรัฐบาลได้ให้ความสำคัญกับการให้ความช่วยเหลือด้านการเงินแก่ประชาชนและผู้ประกอบการไม่ว่าจะเป็นการแก้ปัญหาหนี้ทั้งระบบตามที่นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังได้กำหนดให้การแก้ไขปัญหาหนี้สินให้กับประชาชนทั้งหนี้ในระบบและหนี้นอกระบบเป็นวาระแห่งชาติ

สำหรับครั้งนี้จะเป็นการรวมตัวกันของแบงก์รัฐ เพื่อช่วยเหลือประชาชน โดยดำเนินการลดหรือตรึงดอกเบี้ย พร้อมทั้งจัดเตรียมสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ เพื่อส่งเสริมให้ประชาชนสามารถเข้าถึงสินเชื่อได้ในอัตราดอกเบี้ยที่ไม่สูงจนเกินไป ซึ่งที่ผ่านมาแบงก์รัฐทุกแห่งได้ช่วยกันตรึงดอกเบี้ยจนถึงสิ้นปี 2565 และชะลอการปรับขึ้นดอกเบี้ยในปี 2566 ถึงแม้ว่าดอกเบี้ยนโยบายจะปรับขึ้นหลายครั้งในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา 

-ธนาคารของรัฐได้คงอัตราดอกเบี้ยจนถึงสิ้นปี 2565

-ธนาคารของรัฐชะลอการปรับขึ้นดอกเบี้ยในปี 2566 แม้ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา อัตราดอกเบี้ยนโยบายจะปรับขึ้นหลายครั้ง

-นับจากเดือน ม.ค.67 ธนาคารออมสินได้ปรับลดอัตราดอกเบี้ยลูกค้ารายย่อยชั้นดี (MRR) ลง 0.15% ต่อปี

-ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) มีโครงการบ้าน ธอส. สุขสบาย เพื่อให้ลูกหนี้เดิมของ ธอส. สามารถยื่นขอเปลี่ยนแปลงอัตราดอกเบี้ยให้ต่ำลงได้

ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (ธพว.) มีโครงการสินเชื่อ SME Refinance เพื่อลดต้นทุนให้กับลูกหนี้

ธนาคารของรัฐ มีมาตรการปรับโครงสร้างหนี้, ลดดอกเบี้ยให้กลุ่มลูกหนี้รายย่อยและ SME รวมทั้งมีมาตรการสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำสำหรับประชาชนและผู้ประกอบการทุกกลุ่ม

EXIM BANK-บรรเทาภาระดอกเบี้ยแก่ธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับการส่งออกพร้อมช่วยเหลือ SMEs โดยนำเสนอผลิตภัณฑ์หลากหลายรูปแบบที่จะช่วยเสริมสภาพคล่องและลดภาระต้นทุนทางการเงินให้ผู้ประกอบการไทยทุกขนาดธุรกิจและทุกกลุ่มอุตสาหกรรม รวมทั้งปรับธุรกิจสู่ความยั่งยืนเพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันในเวทีโลก ดังนี้

1.​ผลิตภัณฑ์เพื่อสนับสนุนการเติบโตทางธุรกิจของผู้ประกอบการ

•สินเชื่อเอ็กซิมเริ่มต้นส่งออก (EXIM First Step Export Financing) เงินทุนหมุนเวียน อัตราดอกเบี้ยเริ่มต้น 5.75% ต่อปี (Prime Rate -1.00% ต่อปี) สำหรับผู้ประกอบการวิสาหกิจขนาดย่อม (Size S) ทุกกลุ่มอุตสาหกรรมที่สนใจส่งออกหรือนำเข้าเพื่อส่งออก วงเงินสูงสุด 10 ล้านบาท พิเศษ ลดดอกเบี้ย 0.25% ต่อปีในปีแรก กรณีลงทะเบียนเข้าร่วมกิจกรรมต่าง ๆ ของ EXIM BANK

•สินเชื่อเอ็กซิมเติมทุนส่งออก (EXIM Export Ready Credit) เงินลงทุนระยะยาวเพื่อหมุนเวียนในกิจการและเสริมสภาพคล่องให้แก่ผู้ประกอบการทุกขนาดและทุกกลุ่มอุตสาหกรรม อัตราดอกเบี้ยเริ่มต้น 4.75% ต่อปี (Prime Rate -2.00% ต่อปี) วงเงินสูงสุด 20 ล้านบาท สำหรับผู้ประกอบธุรกิจเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมจะได้รับส่วนลดดอกเบี้ย 0.25% ต่อปีในปีแรก

2.ผลิตภัณฑ์เพื่อสนับสนุนการปรับตัวสู่สังคมดิจิทัล และธุรกิจสีเขียว

•สินเชื่อ EXIM Green Start เงินทุนหมุนเวียนเพื่อเสริมสภาพคล่องในการดำเนินธุรกิจในทุกขนาดธุรกิจและทุกกลุ่มอุตสาหกรรม โดยเน้นกลุ่มผู้ประกอบการที่ดำเนินธุรกิจเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมหรือมีโครงการเกี่ยวกับสิ่งแวดล้อมและได้ดำเนินการเรียบร้อยแล้ว อัตราดอกเบี้ยเริ่มต้น 4.50% ต่อปี (Prime Rate -2.25% ต่อปี) วงเงินสูงสุด 200 ล้านบาท พิเศษ ลดดอกเบี้ย 0.25% ต่อปีในปีแรก กรณีลงทะเบียนเข้าร่วมกิจกรรมต่าง ๆ ของ EXIM BANK

•สินเชื่อเอ็กซิมยกระดับมาตรฐานยางพาราไทย (EXIM Better Rubber Export Financing) เงินทุนหมุนเวียนในการรับซื้อยางและเสริมสภาพคล่องสำหรับผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมยางพารา อัตราดอกเบี้ยเริ่มต้น 4.25% ต่อปี (Prime Rate -2.50% ต่อปี) วงเงินสูงสุด 200 ล้านบาท สำหรับผู้ประกอบการที่มีมาตรฐาน เครื่องหมาย หรือการตรวจสอบแหล่งกำเนิด (Traceability) ตามที่การยางแห่งประเทศไทย (กยท.) กำหนด จะได้รับส่วนลดดอกเบี้ย 0.75% ต่อปีตลอดระยะเวลาโครงการ

•สินเชื่อ EXIM Extra Transformation เงินลงทุนระยะยาวเพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบการในการเข้าถึงแหล่งเงินทุนสำหรับซื้อหรือปรับปรุงเครื่องจักรและอุปกรณ์ ต่อเติม ปรับปรุง หรือก่อสร้างอาคารโรงงาน ซื้อหุ่นยนต์และระบบอัตโนมัติ อัตราดอกเบี้ยเริ่มต้น 5.25% ต่อปี (Prime Rate -1.50% ต่อปี) ผู้ประกอบการที่เข้าร่วมโครงการพัฒนาอุตสาหกรรมหุ่นยนต์และระบบอัตโนมัติเพื่อยกระดับศักยภาพการแข่งขันเข้าสู่อุตสาหกรรม 4.0 หรือลงทุนในพื้นที่โครงการเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) จะได้รับส่วนลดดอกเบี้ย 0.50% ต่อปีในปีแรก

นอกจากนี้ EXIM BANK ยังมีมาตรการช่วยเหลือต่อเนื่องแก่กลุ่ม SMEs ที่เป็น NPLs จากช่วงโควิด-19 (ตามนโยบายรัฐ)

ต่อที่ 1 กรณีชำระเงินต้นและดอกเบี้ย ปรับลดดอกเบี้ย 0.50% ต่อปี เป็นเวลา 3 เดือน หรือกรณีเลือกชำระเพียงเงินต้น พักชำระดอกเบี้ยได้ เป็นเวลา 3 เดือน

ต่อที่ 2 กรณีสามารถชำระหนี้ตามเงื่อนไขได้เป็นปกติ 3 งวดติดต่อกัน พักชำระหนี้เงินต้น พร้อมปรับลดดอกเบี้ยลง 1.00% ต่อปี เป็นเวลา 1 ปี

 

ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.)- จัดสินเชื่ออัตราดอกเบี้ยต่ำ สานต่อนโยบายกระทรวงการคลัง เข้าร่วมโครงการ “แบงก์รัฐลดก่อน ผ่อนภาระประชาชน”

ผลิตภัณฑ์สินเชื่อที่อยู่อาศัยอัตราดอกเบี้ยต่ำ เพื่อช่วยเหลือลูกค้า นำโดย

1.โครงการบ้าน ธอส. สุขสบาย ปี 2567 กรอบวงเงิน 10,000 ล้านบาท สำหรับลูกค้าปัจจุบันของ ธอส.ที่มีการผ่อนชำระเงินงวดมาแล้วไม่น้อยกว่า 3 ปี และไม่มีหนี้ค้างชำระ ขอเปลี่ยนแปลงอัตราดอกเบี้ย โดยจะได้รับอัตราดอกเบี้ย ปีที่ 1-2 เท่ากับ MRR-2.00% ต่อปี (4.90% ต่อปี) ปีที่ 3 เท่ากับ MRR-1.00% ต่อปี (5.90% ต่อปี) เฉลี่ย 3 ปีแรก เท่ากับ 5.23% (อัตราดอกเบี้ย MRR ของ ธอส. ในปัจจุบัน เท่ากับ 6.90% ต่อปี) และ ปีที่ 4 จนถึงตลอดอายุสัญญา กรณีลูกค้าสวัสดิการ เท่ากับ MRR-1.00% ต่อปี และกรณีลูกค้ารายย่อย เท่ากับ MRR-0.50% ต่อปี กรณีซื้ออุปกรณ์ฯ/ ชำระหนี้ เท่ากับ MRR ทั้งนี้ ข้อมูล ณ วันที่ 20 มีนาคม 2567 มีลูกค้ายื่นขอสินเชื่อดังกล่าวรวม 241 บัญชี คิดเป็นวงเงินยื่นขอสินเชื่อ 213 ล้านบาท ทำนิติกรรมแล้ว 13 บัญชี คิดเป็นวงเงินนิติกรรม 6.2 ล้านบาท

2.โครงการสินเชื่อที่อยู่อาศัยเพื่อบุคลากรภาครัฐ ปี 2567 กรอบวงเงิน 20,000 ล้านบาท สำหรับข้าราชการ พนักงานราชการ พนักงานมหาวิทยาลัย พนักงานรัฐวิสาหกิจ พนักงาน/เจ้าหน้าที่ของรัฐ และลูกจ้างประจำ กู้เพื่อซื้อ ปลูกสร้าง ต่อเติม ซ่อมแซม ไถ่ถอนจากสถาบันการเงินอื่น (รีไฟแนนซ์) ชำระหนี้เกี่ยวกับที่อยู่อาศัย และเพื่อซื้ออุปกรณ์หรือสิ่งอำนวยความสะดวกที่เกี่ยวเนื่องเพื่อประโยชน์ในการอยู่อาศัย คิดอัตราดอกเบี้ย ปีที่ 1 เท่ากับ 2.90% ต่อปี ปีที่ 2 เท่ากับ 3.75% ต่อปี ปีที่ 3 เท่ากับ 3.90% ต่อปี เฉลี่ย 3 ปีแรก เท่ากับ 3.52% ปีที่ 4-6 เท่ากับ MRR-2.75% ต่อปี (4.15% ต่อปี) ปีที่ 7 จนถึงตลอดอายุสัญญา เท่ากับ MRR-2.00% ต่อปี กรณีซื้ออุปกรณ์ฯ/ชำระหนี้ เท่ากับ MRR โดยข้อมูล ณ วันที่ 20 มีนาคม 2567 มีลูกค้ายื่นขอสินเชื่อรวม 215 บัญชี คิดเป็นวงเงินยื่นขอสินเชื่อ 195 ล้านบาท ทำนิติกรรมแล้ว 89 บัญชี คิดเป็นวงเงินนิติกรรม 82.7 ล้านบาท

ทั้งนี้ผู้ที่สนใจสามารถยื่นคำขอกู้ได้ตั้งแต่วันนี้ และทำนิติกรรมภายในวันที่ 30 ธันวาคม 2567 ณ สาขาธนาคารทั่วประเทศ สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ ธอส.ทุกสาขาทั่วประเทศ G H Bank Call Center โทร.0-2645-9000 หรือ Facebook Fanpage ธนาคารอาคารสงเคราะห์ และติดตามข่าวสารของธนาคารได้ที่ Application : GHB ALL GEN และ www.ghbank.co.th

 

SME D Bank- ออกสินเชื่อใหม่ "จิ๋วสุดแจ๋ว" วงเงินรวม 500 ล้านบาท คุณสมบัติ สำหรับผู้ประกอบการเอสเอ็มอีรายย่อยที่มีรายได้ต่อปีไม่เกิน 1.8 ล้านบาท ดำเนินธุรกิจมาไม่น้อยกว่า 1 ปีก็กู้ได้ เปิดกว้างทั้งบุคคลธรรมดา และนิติบุคคลครอบคลุมทุกกลุ่มธุรกิจ ไม่ว่าจะเป็นการผลิต ธุรกิจค้าปลีกค้าส่ง ธุรกิจการท่องเที่ยวและเกี่ยวเนื่อง เป็นต้น วงเงินกู้สูงสุด 500,000 บาทต่อราย ไม่ต้องใช้หลักทรัพย์ค้ำประกัน อัตราดอกเบี้ยเริ่มต้น MLR+6 (ปัจจุบัน MLR อยู่ที่ 7.50% ต่อปี) หรือเฉลี่ย 1.125% ต่อเดือน ผ่อนชำระนานสูงสุด 5 ปี แบบลดต้นลดดอก เปิดรับคำกู้ตั้งแต่วันนี้ ถึงสิ้นสุด 28 กุมภาพันธ์ 2568 หรือจนกว่าจะหมดวงเงินโครงการ

โดยที่สำคัญ สินเชื่อนี้นอกจากให้เงินทุนแล้ว ยังเติมความรู้และสร้างวินัยทางการเงิน ส่งเสริมให้ผู้ประกอบการเอสเอ็มอีเติบโตอย่างยั่งยืน ด้วยการมอบประโยชน์ 2 ต่อ คือ ต่อที่ 1 เมื่อเข้าอบรมหลักสูตรยกระดับเอสเอ็มอีจิ๋วสุดแจ๋ว ผ่านแพลตฟอร์ม DX (https://dx.smebank.co.th/) เช่น หลักสูตร Financial Literacy หรือหลักสูตรSustainable Business เป็นต้น จะได้เอกสารรับรองผ่านการอบรม (E-Certificate) พร้อมรับสิทธิ์ลดค่าธรรมเนียมวิเคราะห์โครงการ (Front End Fee) 1.0% ของวงเงินสินเชื่อที่ได้รับอนุมัติ และต่อที่ 2 สนับสนุนการสร้างวินัยทางการเงิน เมื่อผู้ประกอบการผ่อนชำระดีติดต่อกันต่อเนื่อง 12 งวด ได้รับสิทธิ์ขอลดอัตราดอกเบี้ย 1.0% ต่อปี ทั้งนี้สนใจใช้บริการสินเชื่อ “จิ๋วสุดแจ๋ว” ผู้ประกอบการแจ้งความประสงค์ได้ง่ายๆเพียงสแกน QR Code ในโปสเตอร์ประชาสัมพันธ์ เพื่อเพิ่มเพื่อนบน LINE Official Account : “DX by SME D Bank” จากนั้น กดแบนเนอร์สินเชื่อ เพื่อแจ้งความประสงค์ สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ Call Center 1357

#ลดดอกเบี้ย #ธนาคารรัฐ #ธนาคารอาคารสงเคราะห์ #สินเชื่อ #เอสเอ็มอี #ข่าววันนี้