การเลือกตั้งชิงตำแหน่งนายกเทศมนตรีเมืองบุรีรัมย์ จากกรณีพ้นจากตำแหน่งเพราะเหตุอื่นใดนอกจากครบวาระ โดยมีผู้สมัครนายกเทศมนตรี 3 คน ประกอบด้วย หมายเลข 1 นายสุทธิพงศ์ ทิพยศิลป์ หรือ “ครูจู๋” อายุ 69 ปี ข้าราชการครูบำนาญ เป็นอดีตเลขานุการนายกเทศมนตรีเมืองบุรีรัมย์สมัยนายกมล เรืองสุขศรีวงศ์ ดำรงตำแหน่งนายกเทศมนตรีเมืองบุรีรัมย์ เมื่อปี 2556-2564หมายเลข 2 นางพรศรี ไกรรณภูมิ หรือ “ซ้ออ้า”อายุ 51 ปี เป็นกรรมการหอการค้า จ.บุรีรัมย์ ปี 2562-2564 และคณะกรรมการธรรมาภิบาลจังหวัดบุรีรัมย์ (กธจ.) ปี 2563-2566 ภรรยา นายสกล ไกรรณภูมิ อดีตนายกเทศมนตรีเมืองบุรีรัมย์ สมัยที่ผ่านมา และหมายเลข 3 นายวิกรม สมจิตต์อารีย์ หรือ “หมอวิกรม” หรือ“หมอหงัง” อายุ 61 ปี อดีตนายกเทศมนตรีเมืองบุรีรัมย์ เมื่อปี 2547-2551 และเป็นอดีตประธานหอการค้าจังหวัดบุรีรัมย์ ปี 2560-2561
โดยกลยุทธการหาเสียงของผู้สมัครทั้ง 3 ราย มีการติดป้ายหาเสียงตามชุมชน ต่างแย่งชิงความได้เปรียบทางการมองเห็นของประชาชน นอกจากนี้ ยังมีการหาเสียงผ่านสื่อโซเชียล ทางเฟซบุ๊กส่วนตัว พบว่าผู้สมัครแต่ละราย ได้ชูนโยบายหาเสียงเอาไว้หน้าเพจ และป้ายหาเสียง
โดย นายสุทธิพงศ์ ทิพยศิลป์ ผู้สมัครนายกเทศมนตรีเมืองบุรีรัมย์ หมายเลข 1 ที่มีสโลแกนการหาเสียง “พร้อมเดินหน้า พัฒนาบุรีรัมย์” ซึ่งมีการแจกแผ่บพับแนะนำตัวไปตามชุมชน เป็นการเข้าถึงพี่น้องประชาชน
ขณะที่ นางพรศรี ไกรรณภูมิ ผู้สมัครนายกเทศมนตรีเมืองบุรีรัมย์ หมายเลข 2 ที่ขออาสามารับใช้พี่น้องชาวเทศบาลเมืองบุรีรัมย์ ที่ชุนโยบายหาเสียง สนับสนุนประเพณีชุมชนให้อยู่คู่ชุมชน สนับสนุนให้คนเมืองมีส่วนร่วมและรับรู้ทุกการพัฒนา อย่างโปร่งใส ถูกกฎหมาย ไม่บิดเบือน และสานต่อนโยบาย นายกอ๋อง เพื่อให้ผลประโยชน์เป็นของพี่น้องประชาชนอย่างแท้จริง ซึ่งทุกคะแนนเสียงของท่านเพื่อบ้านเรา
ด้าน นายวิกรม สมจิตต์อารีย์ ผู้สมัครนายกเทศมนตรีเมืองบุรีรัมย์ หมายเลข 3 ได้มีการชูสโลแกนการหาเสียงเกี่ยวกับการ “ยกฐานะเทศบาลเมือง เป็น เทศบาลนคร เพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีกว่า” ซึ่งก็มีการจัดรถโฆษณาหาเสียงตระเวนแห่ไปตามชุมชนในพื้นที่เลือกตั้งด้วย
โดยการเลือกตั้งนายกเทศมนตรีเมืองบุรีรัมย์ ครั้งนี้ มีหน่วยเลือกตั้ง จำนวน 24 หน่วย จำนวนมีผู้มีสิทธิเลือกตั้ง 17,678 คน ตั้งเป้าผู้มาใช้สิทธิไม่ต่ำว่า 80 % บัตรเสียไม่เกิน 2% ซึ่งการเลือกตั้งนายกเทศมนตรีเมืองบุรีรัมย์ เมื่อปี 2564 มีผู้มาใช้สิทธิเลือกตั้ง ร้อยละ 63.65 บัตรเสีย ร้อยละ 3.25
แต่เมื่อถึงวันเลือกตั้งจริงปรากฎว่า มีผู้มาใช้สิทธิเลือกตั้ง 9,475 คน จากจำนวนผู้มีสิทธิ 17,678 คน คิดเป็นร้อยละ 53.60 บัตรดี 8,875 ใบ คิดเป็นร้อยละ 93.67 บัตรเสีย 177 ใบ คิดเป็นร้อยละ 1.87 บัตรไม่เลือกผู้ใด 423 ใบ คิดเป็นร้อยละ 4.46
โดยผลการเลือกตั้งปรากฏว่า หมายเลข 3 นายวิกรม สมจิตต์อารีย์ หรือ “หมอวิกรม” หรือ “หมอหงัง” อายุ 61 ปี อดีตนายกเทศมนตรีเมืองบุรีรัมย์ เมื่อปี 2547-2551 และเป็นอดีตประธานหอการค้าจังหวัดบุรีรัมย์ ปี 2560-2561 มีคะแนนนำผู้สมัคร หมายเลข 2 นางพรศรี ไกรรณภูมิ หรือ “เจ๊อ้า” อายุ 51 ปี เป็นกรรมการหอการค้า จ.บุรีรัมย์ ปี 2562-2564 และคณะกรรมการธรรมาภิบาลจังหวัดบุรีรัมย์ (กธจ.) ปี 2563-2566 ภรรยา นายสกล ไกรรณภูมิ อดีตนายกเทศมนตรีเมืองบุรีรัมย์ สมัยที่ผ่านมา และ มีคะแนนทิ้งห่าง หมายเลข 1 นายสุทธิพงศ์ ทิพยศิลป์ หรือ “ครูจู๋” อายุ 69 ปี ข้าราชการครูบำนาญ เป็นอดีตเลขานุการนายกเทศมนตรีเมืองบุรีรัมย์ สมัยนายกมล เรืองสุขศรีวงศ์ ดำรงตำแหน่งนายกเทศมนตรีเมืองบุรีรัมย์ เมื่อปี 2556-2564 อย่างท่วมท้น
ซึ่งผลคะแนนอย่างเป็นทางการ หมายเลข 3 นายวิกรม สมจิตต์อารีย์ อดีตนายกเทศมนตรีเมืองบุรีรัมย์ เมื่อปี 2547-2551 ได้รับชัยชนะเหนือ หมายเลข 2 นางพรศรี ไกรรณภูมิ ภรรยา นายสกล ไกรรณภูมิ หรือ “อ๋อง” อดีตนายกเทศมนตรีเมืองบุรีรัมย์ สมัยที่ผ่านมา ด้วยคะแนน 5,776 กับ 2,096 คะแนน ห่างกัน 2,870 คะแนน และหมายเลข 1 นายสุทธิพงศ์ ทิพยศิลป์ ข้าราชการครูบำนาญ ได้เพียง 193 คะแนน
ทั้งนี้หลังจากได้รับทราบผลอย่างเป็นทางการ นพ.วิกรม สมจิตต์อารีย์” ว่าที่ นายกเทศมนตรีเมืองบุรีรัมย์ ก็ได้จัดทำสปอร์ตเสียงออกมา ขอบคุณพี่น้องประชาชนชาวเมืองบุรีรัมย์ ที่ได้ให้ความไว้วางใจเลือกเข้ามาเป็นนายกเทศมนตรีเมืองบุรีรัมย์ พร้อมจัดรถโฆษณาเปิดเสียงขอบคุณแห่ไปตามถนนสายต่างๆ ในเขตเทศบาลเมืองบุรีรัมย์
โดย นายแพทย์วิกรม สมจิตต์อารีย์ หรือ “หมอวิกรม” ว่าที่ นายกเทศมนตรีเมืองบุรีรัมย์ ได้กล่าวขอบพระคุณพี่น้องประชาชนทุกท่านที่ได้ไปใช้สิทธิเลือกตั้ง ในวันที่ 17 มีนาคม 2567 ไม่ว่าท่านจะใช้สิทธิในการเลือกผู้สมัครหมายเลขใดก็ตาม ท่านคือ ผู้หนึ่งที่ให้การสนับสนุนผม และระบอบประชาธิปไตยในท้องถิ่นของเรา
“ผมขอสัญญาว่า นับจากวันนี้เป็นต้นไป ผมจะยึดหลักการที่ได้ให้ไว้กับพี่น้องประชาชนทุกท่าน ในการทำงานเพื่อบ้านเมืองของเรา อย่างมุ่งมั่น ซื่อสัตย์ และเท่าเทียม ไม่ว่าจะมีระยะเวลาในการทำงานที่เหลือมากน้อยเท่าใดก็ตาม ผมจะระลึกเสมอว่า ทุกท่านคือ ผู้ที่อยู่เคียงข้างผม จนวันที่ผมพ้นจากตำแหน่งนายกเทศมนตรี และเราจะทะยานสู่การเป็นเทศบาลนครไปด้วยกัน ขอกราบขอบพระคุณทุกท่าน มา ณ โอกาสนี้”
การได้รับชัยชนะของ นายแพทย์วิกรม สมจิตต์อารีย์ หรือ “หมอวิกรม” ว่าที่ นายกเทศมนตรีเมืองบุรีรัมย์ อาจเป็นไปได้ว่าชาวบ้านในเขตเทศบาลเมืองบุรีรัมย์ ชื่นชอบ ในนโยบาย “ยกฐานะเทศบาลเมือง เป็น เทศบาลนคร เพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีกว่า” ซึ่งนับจากนี้ไปก็ต้องเฝ้าติดตามดูว่า นายแพทย์วิกรม สมจิตต์อารีย์ จะสามารถนำพา เทศบาลเมืองบุรีรัมย์ ยกฐานะขึ้นสู่ เทศบาลนครบุรีรัมย์ ได้ตามนโยบายที่หาเสียงไว้ได้หรือไม่