นำภาพบรรยากาศชาวพุทธศาสนิกชนเข้ากราบสักการบูชาพระบรมสารีริกธาตุ และพระอรหันตธาตุของพระสารีบุตร และพระโมคคัลลานะ จากสาธารณรัฐอินเดีย มาประดิษฐานชั่วคราว ณ ประเทศไทย

อาจจะกล่าวได้ว่าเป็นครั้งแรกหรือครั้งเดียวในชีวิต บนหน้าประวัติศาสตร์ของพุทธศาสนิกชนไทยที่ได้กราบสักการบูชาพระบรมสารีริกธาตุ องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า และพระอรหันตธาตุของพระสารีบุตรและพระโมคคัลลานะ ที่เป็นองค์ดั้งเดิมที่ค้นพบในสถูปโบราณ เมืองกบิลพัสดุ์ และเมืองสาญจี จากสาธารณรัฐอินเดีย มาประดิษฐานเป็นการชั่วคราว ณ ประเทศไทย ประกอบด้วย กรุงเทพมหานคร เชียงใหม่ อุบลราชธานี และกระบี่ ระหว่างวันที่ 23 กุมภาพันธ์ ถึง 18 มีนาคม 2567 เพื่อเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 28 กรกฎาคม 2567 และเพื่อความเป็นสิริมงคลสูงสุดในชีวิตตนเองและครอบครัว

ที่ผ่านมาคนไทยผ่านเหตุการณ์วิกฤติมาหลายเรื่อง ไม่ว่าจะเหตุการณ์โรคระบาดโควิด-19 วิกฤติเศรษฐกิจ ปัญหาสังคม เชื่อได้ว่าหนึ่งในสิ่งที่ช่วยเยียวยาจิตใจและสร้างรอยยิ้มความประทับใจให้ชาวพุทธอยู่ได้ ก็คือการที่รัฐบาลโดยกระทรวงวัฒนธรรม กรมการศาสนา ภาคีเครือข่าย ร่วมกันอัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุ และพระอรหันตธาตุของพระสารีบุตรและพระโมคคัลลานะ มาให้ชาวไทยกราบสักการะครั้งนี้ ยกตัวอย่างบรรยากาศที่ ณ มณฑลพิธีท้องสนามหลวง แม้อากาศจะร้อนอบอ้าวทุกวัน แต่เรากลับเห็นแต่สีชาวชาวพุทธที่เดินทางเข้ามากราบสักการะ ยิ้มแย้มแจ่มใส เบิกบาน ร้อนกลับเป็นฉ่ำชื่นเย็นในหัวใจ

พระเถระ สมณชีพราหมณ์ ร่วมพิธีสวดเจริญพระพุทธมนต์ ปู่ย่าตายาย พ่อแม่พี่น้อง ลุงป้าน้าอาต่างพาลูกอุ้มหลาน ชวนเพื่อนๆ ครอบครัวนำดอกบัว ธูปเทียน เข้ากราบสักการะและเวียนเทียนไม่ขาดสายวันละนับหมื่น นับแสนคน ขณะที่มองไปบริเวณรอบๆ ได้เห็นความมีน้ำจิตน้ำใจให้กันของเหล่าจิตอาสา ทหาร ตำรวจ พยาบาล กทม.และเจ้าหน้าที่หน่วยงานภาครัฐ เอกชนร่วมอำนวยความสะดวกแก่ประชาชนทั้งดอกไม้ธูปเทียนสำหรับกราบสักการะ แจกอาหารพระราชทาน น้ำดื่ม บริการห้องสุขา การเดินทาง การจราจร และทำความสะอาดบริเวณโดยรอบให้เป็นไปอย่างระเบียบเรียบร้อย ไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย บรรยากาศเช่นนี้เกิดขึ้นตลอดทุกวันของการสักการะ และเส้นทางอัญเชิญทั้งที่จังหวัดเชียงใหม่ อุบลราชธานี และกระบี่ จากการรายงานภาพรวมพุทธศาสนิกชนเข้ากราบสักการบูชากว่า 4 ล้านคน จนกระทั่งวันที่ 19 มีนาคม 2567 พุทธศาสนิกชนชาวไทยร่วมกันอัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุ และพระอรหันตธาตุ คืนสู่กรุงเดลี สาธารณรัฐอินเดีย

ขอขอบคุณทุกภาคส่วนที่มีส่วนร่วมบันทึกหน้าประวัติศาสตร์ของชาวพุทธครั้งนี้ และจะถูกจารึกไว้ในจดหมายเหตุแห่งชาติ ตราตรึงในหัวใจพุทธศาสนิกชนอันสมบูรณ์ที่ได้แสดงความรักและศรัทธาเบื้องหน้าพระบรมสารีริกธาตุ และพระอรหันตธาตุของพระสารีบุตรและพระโมคคัลลานะ พระบรมศาสดาและพระมหาอัครสาวกที่ได้เผยแผ่ศาสนาพุทธให้เจริญรุ่งเรืองนับเนื่องมาจนถึงปัจจุบัน