สภาฯเดือด!ถกงบฯปี67วันที่2 เรืองไกร จัดหนักงบกระทรวงดิจิทัลฯ ขอหั่นเหลือ 5.3 พันล้านบาท ชี้ช่อง สตง.ตรวจสอบ หลังพบส่อทุจริตหลายโครงการ ด้าน ก้าวไกล ข้องใจ กรมอุตุฯ ชงขอ 19 ล้านซื้อเครื่องวัดฝุ่นพิษ ขณะที่ ปกรณ์วุฒิ จวก งบศูนย์ต่อต้านข่าวปลอม ไม่เป็นกลาง-ไม่อิสระ-ปกปิดความจริงไม่ควรได้รับงบกว่า 69 ล้านบาท

     เมื่อเวลา 09.30 น. วันที่ 21 มีนาคม 2567 ที่รัฐสภา ได้มีการประชุมสภาผู้แทนราษฎร โดยมีนายพิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน รองประธานสภาผู้แทนราษฎรคนที่ 2 ทำหน้าที่ประธานการที่ประชุม เพื่อพิจารณาร่างพระราชบัญญัติ(พ.ร.บ.)งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 วงเงิน 3.48 ล้านล้านบาท ในวาระที่สอง เรียงตามรายมาตรา จำนวน 41 มาตรา ซึ่งคณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 พิจารณาเสร็จเรียบร้อยแล้ว เป็นวันที่ 2
     

โดยก่อนเข้าสู่วาระการประชุมประธานในที่ประชุมได้เปิดให้สมาชิกหารือ ความพี่น้องของประชาชนในพื้นที่ต่างๆ อาทิ ปัญหาภัยแล้ง การจราจรติดขัด หลังฝนตกน้ำท่วมในพื้นที่ กทม.
     

จากนั้นเข้าสู่วาระการประชุมพิจารณาร่างพ.ร.บ.งบประมาณฯ ที่ กมธ.งบฯ 67 พิจารณาเสร็จแล้ว ต่อจากการประชุมเมื่อวันที่ 20 มี.ค.ที่ผ่านมา ในมาตรา 16 งบประมาณกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมที่คณะกรรมาธิการปรับลดงบประมาณเหลือ 5,347,054,800 บาท จากเดิมที่เสนอมา 5,419,139,300 บาท
     

โดยนายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ กมธ. กล่าวว่า ตนขอสงวนความเห็นและขออภิปรายเพื่อปรับลดหรือตัดทอนรายจ่ายของกระทรวงดิจิทัล จำนวน 5,419,139,300 ล้านบาทเศษลง 596.1 ล้านบาท รวม 13 รายการ เนื่องจากมีข่าวว่า สตง.ตรวจสอบพบการทุจริตในหลายโครงการของกระทรวงนี้ และงบประมาณก็คงออกได้เพียงครึ่งหนึ่ง จึงขอให้ดูผลสอบของ สตง.ด้วย
   

 ด้านนายณัฐพล โตวิจักษ์ชัยกุล สส.เชียงใหม่ พรรคก้าวไกล ในฐานะ กมธ.เสียงข้างน้อย อภิปรายว่า ตนจะเน้นในส่วนของกรมอุตุนิยมวิทยา ที่ถนัดในเรื่องลมฟ้าอากาศแต่เรื่องราคาในเอกสารอาจไม่แม่นเท่าไร โดยกระทรวงดิจิทัลได้ถูกปรับลดงบลง 72 ล้านบาท กรมอุตุฯ ถูกปรับลดลง 19 ล้านบาท ซึ่งเป็นโครงการเกี่ยวกับฝุ่น PM 2.5 ที่กรมอุตุฯ ตั้งไว้ว่าเป็นโครงการระบบตรวจวัดชั้นบรรยากาศใกล้ผิวโลก และวัดฝุ่นละออง PM 2.5 เป็นงบผูกพันปีงบประมาณ 67-68 รวมมูลค่า 127,223,000 บาท แบ่งเป็นงบ 67 จำนวน 19,083,500 บาท งบ 68 จำนวน 108,139,500 บาท ซึ่งปัญหา PM 2.5 ไม่ได้มีแค่ กทม.และภาคเหนือ แต่แพร่ไปทั่วประเทศแล้ว โดยโครงการนี้จะจัดซื้อเครื่อง LIDAR PDL ซึ่งเป็นเครื่องยิงเลเซอร์ตรวจวัดปริมาณฝุ่นละอองในชั้นบรรยากาศ เพื่อเก็บสถิติและใช้พยากรณ์ปริมาณฝุ่น PM2.5 ในแต่ละวัน
   

 นายณัฐพล กล่าวต่อว่า แต่รายละเอียดเหล่านี้ไม่มีการชี้แจงใดๆ จากกรมอุตุฯ เลย ตนได้ข้อมูลจากเพื่อนที่เป็นนักวิทยาศาสตร์ ที่กระซิบบอกให้จับตาดูโครงการนี้เพราะราคาดูแปลกๆ ซึ่งการพิจารณาในวาระ 1 ตนได้สอบถามกับกรมอุตุฯ โดยมี 3 บริษัทที่เสนอราคามา ยกตัวอย่าง 1 บริษัท เสนอราคาเครื่อง LIDAR PDL 2 เครื่องในราคาเครื่องละ 18 ล้านบาท แต่กรมอุตุฯ ไม่รู้ว่าประเทศไทยเคยมีเครื่องนี้แล้วในราคาเครื่องละ 5 ล้านบาท และพังไปแล้ว ซึ่งเมื่อมันพังทางบริษัทซัพพลายเออร์เสนอซ่อมเครื่องละ 2 ล้านบาท แต่เครื่องดังกล่าวกลับถูกทิ้งไว้เฉยๆ อีกสิ่งที่กรมอุตุฯไม่รู้คือนักวิทยาศาสตร์ไทยกำลังผลิตเครื่องนี้ใช้เองในราคาไม่ถึง 1 ล้านบาท สุดท้ายไม่รู้อะไรดลใจกรมอุตุฯ ให้ตัดงบในโครงการนี้ 19 ล้านบาท ทิ้งไป ซึ่งตนเห็นด้วย เพราะชี้แจงไม่ชัดเจน ราคาเสนอมาแพงเกินจริง และไม่รู้ว่าคนไทยผลิตใช้เองได้
   

 นายณัฐพล กล่าวว่า ตนอยากฝากไว้ทั้งกรมอุตุฯ และกรมที่ข้องเกี่ยวกับ PM 2.5 หากท่านจะตั้งงบซื้อเครื่อง LIDAR PDL ในอนาคตขอให้ทราบว่าสถาบันวิจัยดาราศาสตร์ สามารถผลิตใช้ได้เองแล้ว ต้นทุนไม่ถึง 1 ล้านบาท และมาพร้อมกับโมเดลการวิเคราะห์เก็บข้อมูลต่างที่นักวิจัยไทยเขียนไว้ทั้งหมด ซึ่งมีความเหมาะสมที่จะใช้ในประเทศไทย
     

ขณะนายปกรณ์วุฒิ อุดมพิพัฒน์สกุล สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล อภิปรายถึงงบของศูนย์ต่อต้านข่าวปลอมในสังกัดกระทรวงดีอี ที่สงสัยผลการตรวจสอบ จะไม่เผยแพร่ข่าวจริงที่ไม่เป็นผลดีต่อรัฐบาล ไม่เป็นกลาง ไม่อิสระ ปกปิดความจริง จึงไม่ควรได้รับงบ กว่า 69ล้านบาท ที่ถือเป็นเครื่องมือของรัฐ

     

อย่างไรก็ตาม ท้ายที่สุดแล้ว ที่ประชุมฯ มีมติเสียงข้างมาก 279 เสียง ต่อ 146 เสียง เห็นชอบตามการปรับแก้ของกรรมาธิการฯ โดยยังคงตัดลดงบประมาณลงราว 72 ล้านบาท ทำให้ในปีงบประมาณ 2567 นี้ กระทรวงดีอี จะได้รับงบประมาณ 5,347 ล้านบาท
     

จากนั้น ที่ประชุมได้เข้าสู่การพิจารณามาตรา 17 งบในกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรวมถึงหน่วยงานที่กำกับต่อ