การติดตามปัญหาพื้นที่ทับซ้อนแนวเขตระหว่างสำนักงานปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม(ส.ป.ก.) และอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ ทำให้มีเกษตรกรผู้ที่ได้รับผลกระทบ คือ นายบุญจันทร์ พุทธรัตน์ นางปฐมพร แสงทอง นางเปรมยุดา เก่งสำโรง เกษตรกรที่ได้รับผลกระทบจากพื้นที่ทับซ้อน ได้ออกมาเรียกร้องให้ภาครัฐเร่งสรุปข้อเท็จจริงเพื่อกำหนดแนวทางที่ชัดเจน

โดยนายบุญจันทร์ พุทธรัตน์ ผู้ใหญ่บ้าน กล่าวว่า มีชาวบ้านในพื้นที่รับผลกระทบ 50-60 ราย ซึ่งส่วนใหญ่ชาวบ้านมีความต้องการให้พื้นที่ที่เกิดข้อพิพาทนั้นเป็นพื้นที่ของ ส.ป.ก. เนื่องจากเป็นพื้นที่ที่ได้มีการอยู่อาศัยมากกว่า 40 ปี จากสถานะการณ์ปัจจุบันทางอุทยานฯ ยังคงมาสร้างแนวเขตพื้นที่ โดยอ้างว่าไม่ให้ลุกล้ำเข้าไปในเขตพื้นที่ของอุทยานฯ ซึ่งชาวบ้านมีความต้องการให้ภาครัฐเข้ามาช่วยสรุปข้อเท็จจริงให้ชัดเจนมากขึ้น 

ด้าน นางปฐมพร แสงทอง เกษตรกรที่ได้รับผลกระทบจากพื้นที่ทับซ้อน กล่าวว่าดั้งเดิมพื้นที่ของตนเป็นพื้นที่ทำกินที่ได้รับการจัดสรรจาก ส.ป.ก. ปัจจุบันไม่ได้เป็นพื้นที่ป่าแต่เป็นพื้นที่ทำการเกษตร ขณะนี้ตนและชาวบ้านบริเวณใกล้เคียงอาศัยอยู่ด้วยความวิตกกังวล เนื่องจากไม่มีข้อสรุปชัดเจน ซึ่งในพื้นที่มีความขัดแย้งมาอย่างยาวนาน จึงต้องการให้ภาครัฐสรุปข้อเท็จจริง เพื่อให้ประชาชนได้มีที่ทำกินมั่นคง      

ขณะที่นางเปรมยุดา เก่งสำโรง เกษตรกรที่ได้รับผลกระทบจากพื้นที่ทับซ้อน กล่าวว่า พ่อแม่ของตนได้รับการจัดสรรที่ดินจาก ส.ป.ก. และได้มีการทำเกษตรกรรมเป็นอาชีพหลัก เมื่อถึงเวลานำพื้นที่ไปยื่นขอรับมรดกสิทธิ์ พบว่าอยู่ในพื้นที่ทับซ้อน จึงไม่สามารถดำเนินการโอนมรดกได้ จึงขอให้ทางภาครัฐเร่งดำเนินการตัดสินข้อเท็จจริงโดยเร็ว เพื่อให้เกษตรกรที่อยู่ในพื้นที่ได้รับความเป็นธรรม และสามารถดำเนินธุรกรรม และทำอาชีพได้อย่างมั่นคง

อย่างไรก็ตาม เกษตรกรในพื้นที่ที่เป็นข้อพิพาททับซ้อนระหว่าง ส.ป.ก. และอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ มีความต้องการให้พื้นที่ดั้งเดิมของตนที่อยู่มานานมากกว่า 40 ปีนั้น เป็นพื้นที่ที่ได้รับการจัดสรรให้สามารถทำกินและสร้างอาชีพจึงเรียกร้องทางภาครัฐช่วยเร่งสรุปข้อเท็จจริงเพื่อกำหนดแนวทางอย่างชัดเจน