สว. ดักคอ เศรษฐา อย่าหนีซักฟอก ปูดคนในรัฐบาลบอกไม่มาฟังอภิปราย 25 มี.ค.  ยกรัฐธรรมนูญ  ครม.ต้องมาทั้งคณะ ชลน่าน ลั่นไม่ต้องเก็งข้อสอบศึกสว.ซักฟอกมั่นใจใช้โอกาสชี้แจง ดึงคะแนนให้รัฐบาล ด้านเสี่ยต่อซัดกระบวนการยุติธรรมเสื่อม ทักษิณตัดการเมืองไม่ขาด 

    
 ที่บริเวณด้านหน้าหอประชุมพญางำเมือง มหาวิทยาลัยพะเยา จ.พะเยา เมื่อวันที่ 19 มี.ค.67 นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรมว.คลัง ให้สัมภาษณ์หลังการประชุมคณะรัฐมนตรีสัญจรนอกพื้นที่อย่างเป็นทางการ ครั้งที่ 2/2567 ระหว่างวันที่ 18 - 19 มี.ค.67 ที่จ.พะเยา ถึงกรณีที่ นางสาวแพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าพรรคเพื่อไทย นำคณะเดินทางไปกัมพูชาเข้าพบสมเด็จอัครมหาเสนาบดี เดโช ฮุน เซน อดีตนายกรัฐมนตรีกัมพูชา และหัวหน้าพรรคประชาชนกัมพูชา ว่าหัวหน้าพรรคเพื่อไทยยังไม่ได้มาพูดคุยหรือเล่าเรื่องที่ได้ไปเข้าพบกับสมเด็จฮุนเซน แต่เมื่อช่วงเช้าผู้ช่วยของสมเด็จฮุนเซน ส่งข้อความมาหาเมื่อตอนตี5 ว่าสมเด็จฮุนเซน ฝากความคิดถึงมาให้ ส่วนเรื่องอื่นก็ยังไม่ได้พูดคุยกันเพราะอยู่ระหว่างการลงพื้นที่แต่ก็ได้เคยพูดไปแล้วว่าการเดินทางไปกัมพูชาของหัวหน้าพรรคเพื่อไทย เพื่อไปเสริมเสริมความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศไทยและกัมพูชา ถือเป็นเรื่องดีของรัฐบาล เพราะทั้งสองประเทศเป็นเพื่อนบ้านที่ดีต่อกันมานาน มีความสัมพันธ์กันระหว่างฝ่ายนิติบัญญัติและฝ่ายบริหาร ซึ่งเมื่อเดือนที่แล้วตนเองก็ได้มีโอกาสพบกับนายกรัฐมนตรีของกัมพูชา และได้ไปเจอกันอีกการประชุมอาเซียนออสเตรเลีย ถือเป็นการได้พบปะกันบ่อย ยิ่งบ่อยยิ่งดี จึงคิดว่าไม่มีอะไรเสียหาย แต่เชื่อว่าในการประชุมของพรรคเพื่อไทยต่อไปก็น่าจะมีการพูดคุยและจำนำมาเล่าให้ฟัง
  
   ที่รัฐสภา นายเสรี สุวรรณภานนท์ สมาชิกวุฒิสภา (สว.) ในฐานประธานคณะกรรมาธิการการพัฒนาการเมืองและการมีส่วนร่วมของประชาชน วุฒิสภา กล่าวถึงการอภิปรายทั่วไปของสมาชิกวุฒิสภาเพื่อให้คณะรัฐมนตรีแถลงข้อเท็จจริงหรือชี้แจงแนวทางปัญหาสำคัญเกี่ยวกับการบริหารราชการแผ่นดิน โดยไม่ลงมติตามมาตรา 153 ในวันที่ 25 มี.ค. ว่า ทางสว.พร้อมที่จะอภิปราย โดยจะเป็นการนำเสนอปัญหาการบริหารราชการแผ่นดิน เพื่อให้รัฐบาลได้เข้าใจปัญหาและนำไปแก้ไข โดยจะมีสว.แสดงความจำนงที่จะร่วมอภิปรายจากเดิม 30 กว่าคน และได้จัดคนตามเวลาที่มีอยู่ในหนึ่งวันได้ 27 คน โดยอภิปรายใน 7 ประเด็นใหญ่ ซึ่งเป็นเรื่องสำคัญที่เราเห็นว่ารัฐบาลจะต้องรีบเร่งในการนำปัญหาเหล่านี้ไปแก้ไข ในการบริหารราชการแผ่นดินที่รัฐธรรมนูญได้บัญญัติไว้ แต่ปัญหาต่างๆรัฐบาลพยายามดึงเวลามาถึง 2 เดือนก็ไม่แสดงให้เห็นว่ารัฐบาลจะใส่ใจ โดยรัฐบาลบอกว่ามีภารกิจเยอะแต่เราก็เห็นว่ารัฐบาลโดยเฉพาะนากยฯเอาแต่ไปต่างประเทศ กลับประเทศมาแล้วก็ยังมีเวลาไปเชียงใหม่ ซึ่งเห็นว่ายังมีเวลาเยอะแยะ แต่เวลาจะประชุมร่วมกันในเรื่องของประเทศกลับบอกว่าไม่มีเวลา เราจึงต้องท้วงติงเอาไว้
     
  เราจึงต้องท้วงติงเอาไว้เพราะได้ข่าวว่าในวันที่ 25 มี.ค. มีฝ่ายรัฐบาลมาบอกว่านายกรัฐมนตรีจะไม่มาฟังการอภิปราย เราก็หวังว่าจะไม่เป็นเช่นนั้น เพราะถือว่าเป็นเรื่องที่รัฐบาลจะต้องนำปัญหาการบริหารราชการแผ่นดินมาพูดคุยกับวุฒิสภา ถ้านายกรัฐมนตรีไม่มาก็อาจจะทำให้การแก้ไขปัญหาไม่สำเร็จผล และการมาของรัฐบาลนั้นในรัฐธรรมนูญบอกว่าให้มาเป็นคณะ ไม่ใช่มาเพียง 1-2 คน แบบขอไปที เพื่อให้ผ่านไปเท่านั้น เรื่องนี้ต้องขอเรียนไว้เบื้องต้นจะได้ไม่เกิดการต่อว่ากันในที่ประชุม นายเสรี กล่าวว่า
   
  ผู้สื่อข่าวถามว่า ที่บอกว่านายกรัฐมนตรีจะไม่มาฟังการอภิปรายมีการยืนยันชัดเจนแล้วหรือยังหรือเป็นเพียงแค่ข่าว นายเสรี กล่าวว่า ไม่ใช่ขาว แต่เป็นการประชุมในคณะกรรมาธิการการศึกษา วุฒิสภา โดย นายเฉลิมชัย เฟื่องคอน สว. ซึ่งเป็นกรรมาธิการด้วยได้ยินมากับหูว่า นายตวง อันทไชย สว.ในประธานกมธ.พูดในที่ประชุมว่าได้รับแจ้งจากคนในรัฐบาลว่านายกรัฐมนตรีจะไม่มาฟังการอภิปราย ซึ่งอาจจะทำให้ภาพลักษณ์เสียหาย เพราะเรื่องสำคัญนายกรัฐมนตรีควรมาร่วมฟัง เพราะนายกรัฐมนตรีสามารถไปได้หลายทีหลายทาง แต่พองานสภาฯก็บอกว่าจะไม่มา อย่างไรก็ตามเราก็หวังว่านายกรัฐมนตรีจะมา และตนไม่ได้บอกว่านายกรัฐมนตรีพูดว่าจะไม่มา แต่มีคนฝั่งรัฐบาลเองแจ้งมา ดังนั้นการที่นายกรัฐมนตรีไม่มาร่วมประชุมตนถือว่าเป็นเรื่องใหญ่ เพราะเป็นเรื่องสำคัญของบ้านเมือง และต้องแก้ปัญหาให้กับประชาชน
 นายเสรี กล่าวต่อว่า หากนายกรัฐมนตรีไม่มาฟังการอภิปรายของสว.จริงๆ ก็จะต้องมีการทักท้วงกันในที่ประชุม แต่เราก็ไม่ได้ผิดหวังอะไร ถือว่าเป็นภารกิจที่นายกรัฐมนตรีต้องรับผิดชอบอยู่แล้ว และถ้านายกรัฐมนตรีไม่มาจริงๆก็ถือว่าเป็นเรื่องที่ประหลาด เพราะที่ผ่านมาเมื่อมีการอภิปรายของสว.นายกรัฐมนตรีก็จะมาร่วมประชุมด้วย ก็มองได้หลายอย่างแต่จะด้วยเหตุใดก็ตามก็ต้องชัดเจนว่าไม่มาด้วยเหตุใด มิฉะนั้นคนเขาจะมองว่านายกรัฐมนตรีหลบ ก็จะทำให้เสีย ดังนั้นนายกรัฐมนตรีไม่ควรทำ
    
 เมื่อถามว่า ใน 7 ประเด็นมีประเด็นไหนที่มีสว.อภิปรายมากที่สุด นายเสรี กล่าวว่า มีประเด็นเรื่องเศรษฐกิจ เรื่องกระบวนการยุติธรรม เรื่องพลังงานเรื่องการศึกษา แก้ไขรัฐธรรมนูญ การปฏิรูปประเทศ แต่ส่วนใหญ่ผู้อภิปรายก็จะเฉลี่ยกัน
     
  ส่วนเรื่องของ นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ก็จะอยู่ในเรื่องกระบวนการยุติธรรม เพราะถือว่าเป็นเรื่องสำคัญของบ้านเมืองและของประเทศ ฝ่ายรัฐบาลพยายามพูดตลอดว่าทำตามกฎหมาย แต่ปัญหาที่เกิดขึ้น ไม่ใช่ว่าทำตามกฎหมายหรือไม่ แต่ปัญหาที่เกิดคือกฎหมายที่เอามาใช้ถูกต้องเป็นธรรมหรือไม่ ควรจะเอากฎหมายเหล่านี้มาใช้หรือไม่ เพราะฉะนั้นหากยังเห็นแก่คนบางคน เห็นแก่พวกพ้องไม่ยึดหลักตามกระบวนการยุติธรรมที่ต้องใช้กับคนทั่วไปก็จะทำให้ต้องแก้ไข ดังนั้นรัฐบาลก็ควรที่จะต้องรับฟังเรื่องเหล่านี้และนำไปแก้ไข อย่าทำอะไรที่มันผิด ๆนายเสรี กล่าว
    
 ด้าน นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว รมว.สาธารณสุข ในฐานะส.ส.น่าน พรรคเพื่อไทย กล่าวถึงการอภิปรายทั่วไป โดยไม่ลงมติ ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 153 ของส.ว. จะมีการเก็งข้อสอบอย่างไร ว่า คงไม่ต้องเก็งอะไร เพราะเขาเปิดข้อสอบแล้ว ซึ่งมี 7 ประเด็นที่เขาเปิดเผยออกมา ที่ซักถามและเสนอแนะปัญหากับรัฐบาล เราก็จะดูตามนั้นว่า รัฐบาลจะต้องเตรียมตอบและชี้แจงข้อเท็จจริงอะไร หรือปัญหาที่เค้าเสนอแนะมา เรามีวิธีการแก้ปัญหาอย่างไร แต่หลักกระทรวง และคนที่เกี่ยวข้อง ก็จะเตรียมการเรื่องเหล่านี้ 
    
 เมื่อถามว่า ไม่ห่วงว่าจะกระทบความน่าเชื่อถือของรัฐบาลใช่หรือไม่ นพ.ชลน่าน กล่าวว่า เรามอง 2 มุม การตรวจสอบของฝ่ายนิติบัญญัติ ก็เป็นการทำหน้าที่ตามรัฐธรรมนูญ หากใช้ตรงนี้ให้เป็นประโยชน์ เชื่อว่ารัฐบาลจะได้คะแนนจากตรงนี้ ถ้าเรามีความมั่นใจเชื่อมั่น กระบวนการ วิธีการ และหน้าที่ในการทำงาน ที่สุดแล้ว ก็เอาผลงานที่ได้ทำกับประชาชน มาชี้แจงในสภาฯ เชื่อว่าจะเกิดประโยชน์มากกว่า
   
  นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม(ดีอี) ในฐานะสมาชิกพรรคเพื่อไทย ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่ นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ เดินทางลงพื้นที่ในจ.เชียงใหม่ แล้วจะมีโอกาสเชิญนายทักษิณไปเยี่ยมที่ จ.นครราชสีมา หรือไม่นั้น นายประเสริฐ กล่าวว่า จากเท่าที่ฟังดู ประชาชน จ.นครราชสีมา ก็ต้องการให้นายทักษิณเดินทางไปเยี่ยมเช่นกัน ซึ่งก็ต้องแล้วแต่นายทักษิณ เมื่อถามว่า โดยส่วนตัวจะได้มีโอกาสพบกับนายทักษิณหรือไม่ นายประเสริฐ กล่าวว่า "ก็จะหาเวลาเจอท่านอยู่ครับ"
   
  ที่พรรคประชาธิปัตย์ นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีนายทักษิณที่ปรากฏตัวจะส่งผลอะไรต่อการเมืองบ้าง นายเฉลิมชัย กล่าวว่า ตนว่าในส่วนของนายทักษิณ เขาก็ยังตัดการเมืองไม่ขาด แต่สิ่งหนึ่งที่ตนอยากจะพูด ตนไม่อยากจะพูดถึงเรื่องตัวบุคคล เพราะตัวบุคคลนายทักษิณก็เป็นคนคนหนึ่ง ถ้าพูดตรงๆคือได้รับคำพิพากษาก็เป็นนักโทษคนหนึ่ง แต่ตนอยากพูดถึงกระบวนการยุติธรรม วันนี้ระบบยุติธรรมมันเสื่อม ทั้งที่ระบบยุติธรรมต้องทำให้เป็นที่พึ่งที่คาดหวังของประชาชนให้ได้  
     
  ตราบใดที่ระบบยุติธรรมไม่สามารถที่จะสร้างความยุติธรรมหรือทำให้เป็นที่พึ่งหรือที่คาดหวังของพี่น้องประชาชนได้สังคมนั้นไปยาก ผมถึงบอกว่าระบบยุติธรรมบ้านเรามันเสื่อมนายเฉลิมชัย กล่าว
    
 เมื่อถามว่า การที่มีคนสำคัญต่างๆ และฝ่ายการเมืองไปต้อนรับนายทักษิณ มองว่าจะผลอะไรกับทางการเมืองบ้าง นายเฉลิมชัย กล่าวว่า อนาคตไม่มีใครรู้ว่าอะไรจะเกิดขึ้น พูดไปก็เดากันทั้งหมด ไม่มีใครทราบ มีแต่หมอเดาไม่มีคนรู้จริง เดาถูกกับเดาผิดแค่นั้น และตนคิดว่าการเมืองก็เดินต่อไป อะไรที่ถูกต้องก็อยู่ได้ อะไรที่ไม่ถูกต้องก็อยู่ไม่ได้  เหมือนกระบวนการยุติธรรม มันเจ็บ มันป่วย มันเสื่อม เราก็อย่าไปว่ากระบวนการทั้งหมด เสื่อมตรงไหนก็รักษาและแก้ไขตรงนั้น สังคมก็จะไปได้ เพราะไม่ได้เลวทรามทั้งหมด
 นายเฉลิมชัย ยังกล่าวถึงการยุบพรรคการเมืองว่า แนวคิดของตนเกี่ยวกับพรรคการเมืองต้องยอมรับว่าวันนี้พรรคการเมืองตั้งยาก แต่ตายง่าย เกิดยากแต่ตายง่าย เพราะฉะนั้นวันนี้ปัญหาที่ควรจะต้องแก้เพื่อให้พรรคการเมืองเข้มแข็ง ควรจะให้พรรคการเมืองสามารถตั้งง่ายขึ้น ทำให้พรรคการเมืองสามารถที่จะมีได้หลากหลาย และมีการพัฒนา และพรรคการเมืองควรจะตั้งขึ้นมาด้วยความศรัทธาและอุดมการณ์ สามารถทำให้พรรคการเมืองสามารถขับเคลื่อนไปข้างหน้าได้เหมือนเช่นพรรคประชาธิปัตย์ได้ยืนยงมากกว่า 78 ปี เพราะมีอุดมการณ์ที่ฃ
     
  รัฐบาลควรจะจัดสรรงบประมาณให้เพียงพอ เพื่อเป็นการส่งเสริมประชาธิปไตยจริงๆ ส่วนการยุบพรรคการเมือง ผมคิดว่าการยุบพรรคการเมืองไม่ควรที่จะเกิดขึ้นในสมัยนี้ หากกรรมการบริหารพรรคกระทำความผิดหรือดำเนินการอะไรก็แล้วแต่ ที่เป็นการผิดกฎหมาย ถ้าบุคคลไม่ดี กรรมการบริหารไม่ดี ก็ควรจะลงโทษบุคคลให้แรง หรือจะตัดสิทธิ์ไปตลอดชีวิตก็ได้ หรืออะไรก็ได้ ที่ทำให้กลุ่มคนนี้ไม่กล้าที่จะทำ เพราะการยุบพรรคการเมืองก็จะเป็นวงจรไม่รู้จักจบสิ้น หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์กล่าว
    
 เมื่อถามว่า มองอย่างไรกรณีการยุบพรรคก้าวไกล แต่กระแสได้รับความนิยมมากขึ้นเหมือนยิ่งยุบยิ่งโต นายเฉลิมชัย กล่าวว่า เรากำลังพูดเรื่องกฎหมาย วันนี้ไม่ว่าเราจะอยู่ตรงไหน เราก็ต้องเคารพกฎหมาย เพราะเราใช้กฎหมายฉบับเดียวกัน แต่ที่เรากำลังพูดหมายถึงการแก้ไขกฎหมาย ถ้าเราสามารถดำเนินการแก้ไขกฎหมายได้ ตนก็ไม่อยากเห็นการยุบพรรคการเมืองได้ง่าย แต่วันนี้เมื่อกฎหมายเป็นอย่างไรเราก็ต้องปฏิบัติตาม ต้องแยกกันให้ออกระหว่างวันนี้กับอนาคต ถ้าแก้ไขได้ ตนอยากฝากกรรมาธิการฯ และสภาฯว่า ท่านต้องทำให้พรรคการเมืองเกิดง่ายและตายยาก และไม่ใช่เกิดยาก ตายง่าย  และการสนับสนุนพรรคการเมือง รัฐต้องเข้ามาดูแลการเป็นสมาชิกพรรคการเมืองไม่ควรจะมีค่าใช้จ่าย ค่าบำรุงพรรค สิ่งต่างๆเหล่านี้ตนคิดว่าจะเป็นจุดยืนของพรรคประชาธิปัตย์ เมื่อถามว่า มองอย่างไรกับการถูกครอบงำทางการเมืองจากคนนอกที่ไม่ใช่สมาชิกพรรคการเมือง หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ถ้ามีหลักฐานก็ทำไม่ได้อยู่แล้ว เพราะกฎหมายห้ามอยูู่แล้ว ถ้าผิดกฎหมายก็ชัดเจนทำไม่ได้อยู่แล้ว 
    
 ที่มหาวิทยาลัยพะเยา จ.พะเยา พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และประธานที่ปรึกษาพรรคพลังประชารัฐ  ตอบข้อสักถามผู้สื่อข่าวถึงกระแสข่าวการปรับคณะรัฐมนตรี หลังจากที่นายทักษิณได้รับการพักโทษ โดย พล.ต.อ.พัชรวาท ตอบเพียงสั้นๆ ว่า ปรับนี้ เราไม่เกี่ยว