สำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดย ศูนย์ปราบปรามการกระทำผิดเกี่ยวกับน้ำมันเชื้อเพลิง (ศปนม.ตร.)และ กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (บช.ก.)“จับกุม 5 เรือไทย ขนน้ำมันเถื่อน กว่า 300,000 ลิตร ความเสียหายกว่า 10 ล้านบาท”

ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.อ.ไกรบุญ ทรวดทรง จตช./ ผอ.ศปนม.ตร., พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก., พล.ต.ต.พฤทธิพงศ์ นุชนารถ ผบก.รน., พล.ต.ต.มนตรี เทศขัน ผบก.ป., พล.ต.ต.พุฒิเดช บุญกระพือ ผบก.ปอศ., พล.ต.ต.อธิป พงษ์ศิวาภัย ผบก.ปอท., พ.ต.อ.เอนก เจาสุภาพ รอง.ผบก.ป., พ.ต.อ.พรศักดิ์ เลารุจิราลัย รอง.ผบก.ป., พ.ต.อ.วิวัฒน์  จิตโสภากุล ผกก.2 บก.ป., พ.ต.อ.อินทรัตน์ ปัญญา ผกก.5 บก.รน.กรมศุลกากร นายอาณาจักร เลิศรัตนสิน หัวหน้าฝ่ายสืบสวนปราบปราม 2 กองสืบสวนและปรามปรามกรมศุลกากร
กรมสรรพสามิตร นายพยุง บุญสมสุวรรณ ผู้อำนวยการสำนักตรวจสอบ ป้องกันและปราบปราม, นายละนอง แก้วศรีช่วง ผู้อำนวยการสำนักงานสรรพสามิตภาคที่ 2
นายวิโรจน์รัตน์ แจ่มวรรณา ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านการตรวจสอบสรรพสามิต
นายอิสรา สถิตยุทธการ หัวหน้าฝ่ายป้องกันและปราบปราม 3


นายอาทิตย์ บุญชัย หัวหน้าฝ่ายป้องกันและปราบปราม สำนักงานสรรพสามิตภาคที่ 2
กรมเจ้าท่า นายเอกราช คันธโร ผู้อำนวยการสำนักงานเจ้าท่าภูมิภาคสาขาพัทยา, นายเจนณรงค์ บำรุงจิตต์ เจ้า พนักงานตรวจเรือชำนาญการ และนางสาวพีรพร เอนจินทะ นักวิชาการขนส่งชำนาญการ สำนักงานเจ้าท่าสาขา พัทยา
กองทัพเรือภาค 1 พล.ร.ท.สุระศักดิ์ สิงขรวัฒน์ ผบ.ทรภ.1, พล.ร.ต.วรพาท รัชตะสังข์ รอง ผบ.ทรภ.1, พล.ร.ต.รังสรรค์ บัวเผือก เสธ.ทรภ.1, น.อ.อโศก ศรีสวัสดิ์ รอง เสธ.ทรภ.1, น.อ.ประภุตว์ ม่วงมิ่งสุข ผอ.ขว.บก.ทรภ.1, น.อ.วุฒิชัย สัทธาธรรมรักษ์ รอง ผอ.ขว.บก.ทรภ.1, น.ท.ป่าสัก ไชยเนตร หน.แผน ขว.บก.ทรภ.1, น.ท.สุปรีด์ ตันติตระกูล หน.ปฏิบัติการข่าว ขว.บก.ทรภ.1ศูนย์อำนวยการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเล พล.ร.ต.วิฉณุ ถูปาอ่าง รอง ผอ.ศรชล.ภาค1, พล.ร.ต.ไพศาล วงค์เมฆ ผอ.สน.ฝอ.ศรชล.ภาค 1, น.อ.วินวัตร หุตะเจริญ ผอ.กมส.สน.ฝอ.ศรชล.ภาค 1, น.อ.ประยงค์พรมสุวรรณ์ หน.กลุ่มการคดี กมส.สน.ฝอ.ศรชล.ภาค 1, น.ท.ยอดอาวุธ มีชูพล หน.ชุดสอบสวน สน.ฝอ.ศรชล.ภาค 1เจ้าหน้าที่ชุดจับกุม นำโดย พ.ต.อ.วรเอก เนตินิยม ผกก. ประจำ บก.รน., พ.ต.ท.นฤทธิ์ ผูกจิตร รอง ผกก.2 บก.ป., พ.ต.ท.สิทธิพร มีอาษา รอง ผกก.2 บก.ป., พ.ต.ท.ขจร สมรูป สว.ส.รน.5 กก.5 บก.รน., พ.ต.ต.วรัท เสริมสุจริต สว.กก.2 บก.ป., เจ้าหน้าที่ตำรวจ บก.รน. และ กก.2 บก.ป.
ร่วมกันตรวจยึดและจับกุมเรือไทย จำนวน 5 ลำ พร้อมลูกเรือ 28 คน ซึ่งได้แก่
1. เรือ ลำแรกพร้อมน้ำมันเถื่อนประมาณ 80,000 ลิตร พร้อมลูกเรือ 7 คน เรือลำที่สอง พร้อมลูกเรือ 4 คน เรือลำที่สาม พร้อมลูกเรือ 6 คน เรือลำที่สี่พร้อมน้ำมันเถื่อนประมาณ 150,000 ลิตร พร้อมลูกเรือ 6 คน
และเรือลำสุดท้าย เรือดาวรุ่ง พร้อมน้ำมันเถื่อนประมาณ 100,000 ลิตร พร้อมลูกเรือ 5 คน  คิดเป็นมูลค่ารวมทั้งหมดกว่า 10 ล้านบาท)
 
โดยสถานที่จับกุมพื้นที่ทะเลอ่าวไทย
พฤติการณ์กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง โดย กองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) และ กองบังคับการตำรวจน้ำ(บก.รน.) ได้รับแจ้งการข่าวจากสายลับว่ามีกลุ่มเครือข่ายเรือสัญชาติไทยลักลอบขนน้ำมันเถื่อนเข้ามาในราชอาณาจักรไทยโดยผิดกฎหมายบริเวณกลางอ่าวไทย

กระทั่งวันที่ 19 มี.ค.67 เวลาประมาณ 08.00 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจ ได้นำเรือทั้ง 5 ลำ พร้อมตัวลูกเรือทั้งหมดเข้าเทียบท่า ณ ท่าเรือ สถานีตำรวจน้ำสัตหีบ จากการตรวจสอบเบื้องต้นโดยเจ้าหน้าที่กรมสรรพสามิต พบว่าน้ำมันเถื่อนดังกล่าว เป็นน้ำมันที่มิได้มีไว้ใช้ในราชอาณาจักร และจึงได้แจ้งข้อกล่าวหา “ร่วมกันพยายามลักลอบนำเข้ามาในราชอาณาจักรซึ่งน้ำมันที่มิได้ผ่านพิธีการศุลกากร” ตาม พ.ร.บ.ศุลกากร พ.ศ.2560 และนำตัวผู้ต้องหาและของกลางทั้งหมดส่งพนักงานสอบสวน กองกำกับการ 2 กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ (บก.ปอศ.) เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป


ในท้ายที่สุดนี้ขอฝากเตือนถึงชาวประมงและผู้ประกอบการ ให้ปฏิบัติตามกฎหมาย เนื่องจากการลักลอบนำเข้าน้ำมันเถื่อนนี่ไม่ได้เสียภาษีอากร จะทำให้ภาครัฐสูญเสียรายได้จากจัดเก็บภาษีหลายหมื่นล้านบาทต่อปี ซึ่งรายได้จากภาษีดังกล่าวจะนำกลับคืนสังคมในรูปของบริการสาธารณะ สาธารณูปโภคที่ทุกคนจะมีส่วนได้รับประโยชน์จากเงินภาษีดังกล่าว รวมถึงฝากเตือนไปยังพี่น้องประชาชนที่ใช้น้ำมันเถื่อนที่ไม่ได้เสียภาษีอากร เนื่องจากการใช้น้ำมันเถื่อน อาจทำให้ได้น้ำมันที่ไม่มีคุณภาพเพียงพอ ส่งผลเสียต่อเครื่องยนต์ทั้งทางตรงและทางอ้อม  


ทั้งนี้หากประชาชนทั่วไปมีเบาะแสเกี่ยวกับการลักลอบจำหน่ายน้ำมันเถื่อน สามารถแจ้งเบาะแสมาได้โดยตรงที่กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลางได้ทุกช่องทาง
สอบถามคำให้การผู้ต้องหาเบื้องต้น อยู่ระหว่างการสอบสวนเพื่อขยายผลต่อไป