ALLY โชว์อัตราผลตอบแทนปี 66 ที่ 10.23% ติดอันดับสูงสุดในกลุ่มกองทรัสต์รีเทลที่มีมูลค่าทรัพย์สินรวมมากกว่า 1 หมื่นล้านบาท ชูจุดแข็งด้านความหลากหลายของสินทรัพย์ บนทำเลศักยภาพในกรุงเทพฯ และจังหวัดท่องเที่ยว เดินหน้าสร้างการเติบโตในปี 67 มองโอกาสเพิ่มทรัพย์สินโครงการใหม่ๆ เข้าพอร์ตไม่ต่ำกว่า 1-2 โครงการต่อปี เพิ่มโอกาสสร้างผลตอบแทนแก่ผู้ถือหน่วย ตอกย้ำการเป็น “กรีน คอมมูนิตี้มอลล์” มุ่งเน้น ESG

นายกวินทร์ เอี่ยมสกุลรัตน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อัลไล รีท แมนเนจเมนท์ จำกัด ในฐานะผู้จัดการกองทรัสต์อัลไล หรือ ALLY เปิดเผยว่า ปี 2566 นับเป็นปีที่กองทรัสต์ ALLY ทำผลการดำเนินงานเติบโตอย่างโดดเด่น และมีอัตราผลตอบแทนติดอันดับสูงสุดเมื่อเทียบกับกลุ่มกองทรัสต์รีเทลที่มีมูลค่าทรัพย์สินรวมมากกว่า 10,000 ล้านบาท โดยกองทรัสต์ ALLY มีอัตราการจ่ายประโยชน์ตอบแทน (อัตราผลตอบแทน) สำหรับผลการดำเนินงานปี 2566 อยู่ที่ 0.6600 บาทต่อหน่วย คิดเป็นอัตราผลตอบแทน 10.23% เมื่อเทียบกับราคาหน่วยทรัสต์ ณ สิ้นวันที่ 28 ธันวาคม 2566 ที่ 6.45 บาทต่อหน่วย ทั้งนี้ กองทรัสต์ ALLY มีนโยบายการจ่ายเงินปันผลไม่น้อยกว่าร้อยละ 90 ของกำไรสุทธิที่ปรับปรุงแล้วของรอบปีบัญชี และมุ่งเน้นจ่ายผลประโยชน์ตอบแทนที่ดีและสม่ำเสมอได้ในระยะยาว

โดยอัตราผลตอบแทนดังกล่าวมาจากปัจจัยโดดเด่นของกองทรัสต์ ALLY ที่ลงทุนในสินทรัพย์หลากหลายประเภท โดยสินทรัพย์หลัก คือ อสังหาริมทรัพย์เพื่อการพาณิชย์ประเภทคอมมูนิตี้มอลล์ ซึ่งมีการบริหารจัดการแบบครบวงจร โดยกองทรัสต์มีแนวทางการลงทุนซึ่งมุ่งเน้นตามวิถีชีวิต ทั้งการใช้ชีวิต การทำงาน และการพักผ่อน จากศูนย์การค้าใกล้บ้าน สู่ที่ทำงานสำหรับคนรุ่นใหม่ และศูนย์กระจายสินค้าทั่วประเทศไทย ในทำเลที่มีศักยภาพในพื้นที่กรุงเทพและจังหวัดท่องเที่ยว ที่มีประชากรและกำลังซื้อสูง ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของการทำธุรกิจคอมมูนิตี้มอลล์ ส่งผลให้กองทรัสต์มีกระแสรายได้จากการจัดหาผลประโยชน์ได้อย่างสม่ำเสมอ และสามารถสร้างผลตอบแทนให้แก่นักลงทุนได้อย่างสม่ำเสมอเช่นเดียวกัน

ผู้จัดการกองทรัสต์อัลไล หรือ ALLY กล่าวเพิ่มเติมว่า ปี 2567 กองทรัสต์ฯ พร้อมต่อยอดและสร้างการเติบโตอย่างไม่หยุดยั้ง โดยมีปัจจัยสนับสนุน ได้แก่ ปัจจัยภายนอก คือ ภาคเศรษฐกิจไทยที่มีแนวโน้มขยายตัวอย่างสมดุลมากขึ้น จากอุปสงค์ในประเทศที่เริ่มฟื้นตัวและการท่องเที่ยวที่ขยายตัวได้ดี ผลักดันให้ยอดการจับจ่ายใช้สอยของกลุ่มลูกค้าภายในคอมมูนิตี้มอลล์เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ และจะส่งผลให้อัตราการเช่าพื้นที่ (Occupancy rate) เพิ่มขึ้นตามไปด้วย ขณะที่ปัจจัยภายใน คือ การมองหาโอกาสกองทรัสต์ ALLY ในการเพิ่มทรัพย์สินโครงการใหม่ๆ (New projects Investment) เข้ามาในพอร์ตอย่างสม่ำเสมอ เพื่อขยายขอบเขตการลงทุนของกองทรัสต์และเพิ่มโอกาสในการเติบโตอย่างมหาศาล รวมถึงเพิ่มโอกาสสร้างผลตอบแทนให้กับผู้ถือหน่วยอีกด้วย โดยวางเป้าหมายเพิ่มทรัพย์สิน 1-2 โครงการต่อปี ขณะที่ในปีนี้ตั้งงบลงทุนไม่ต่ำกว่า 500 ล้านบาท

ทั้งนี้ ในช่วงที่ผ่านมากองทรัสต์ ALLY มุ่งเน้นความเป็น “กรีน คอมมูนิตี้มอลล์” (Green Community Mall) สร้างพื้นที่สีเขียวภายในโครงการ ออกแบบพื้นที่ส่วนกลางในรูปแบบ Open-Air Lifestyle Mall โดยการเพิ่มพื้นที่สีเขียวจากธรรมชาติให้รายล้อมทั่วคอมมูนิตี้มอลล์ เพื่อเป็นจุดนัดพบสำหรับของลูกค้า พร้อมทั้งยังสามารถตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตของกลุ่มลูกค้าได้เป็นอย่างดี ล่าสุดได้ปรับปรุงพื้นที่โครงการเดอะคริสตัล ราชพฤกษ์ เพื่อเพิ่มพื้นที่สีเขียวและตอบรับไลฟ์สไตล์คนในชุมชนได้ดียิ่งขึ้น ส่งผลให้คอมมูนิตี้มอลล์ทุกโครงการภายใต้การบริหารจัดการของกองทรัสต์ ALLY กลายเป็นแหล่งที่น่าสนใจให้ผู้ประกอบการต่างๆ สนใจที่จะเข้ามาเช่าพื้นที่ และส่งผลให้ทรัพย์สินของกองทรัสต์ทั้ง 13 โครงการ มีอัตราการเช่าพื้นที่ที่ดีมาโดยตลอด

นอกจากนี้ กองทรัสต์ ALLY ยังให้ความสำคัญกับ ESG Environmental, Social and Governance) ได้แก่ สิ่งแวดล้อม สังคมและบรรษัทภิบาล ซึ่งเป็นส่วนสำคัญที่จะช่วยส่งเสริมการดำเนินธุรกิจเติบโตอย่างยั่งยืน จึงได้มุ่งเน้นลดการใช้พลังงานในพื้นที่โครงการ ใช้พลังงานทดแทน ได้แก่ โซลาร์รูฟท็อปใน 10 โครงการ คิดเป็นสัดส่วน 17% ของพลังงานไฟฟ้าที่ใช้ทั้งหมดในทุกโครงการ รวมถึงได้ติดตั้งแท่นชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า EV Charger รวมกว่า 57 สถานีในทุกโครงการ เพื่อเป็นส่วนหนึ่งที่จะทำให้โลกและสังคมน่าอยู่มากขึ้น