พ่อแม่ร้องสายไหมต้องรอด ลูกสาวอายุ 3 ขวบ จมน้ำระหว่างเรียนวิชาว่ายน้ำที่ โรงเรียน ด้านครูยังไม่มีการชี้แจง หรือรับผิดชอบใดๆ
พ่อของน้องไอริน เปิดเผยว่า เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อช่วงเช้าของวันที่ 12 มีนาคมที่ผ่านมา โดยลูกสาวของตนไปเรียนว่ายน้ำซึ่งเป็นวิชาประจำที่ลงไว้ในหลักสูตรของโรงเรียนแห่งหนึ่งใน อ.บางเลน จ.นครปฐม ซึ่งสระว่ายน้ำอยู่ในเทศบาล ในวันนั้นมีนักเรียนประมาณ 7-8 คน โดยที่มีครูสอนแค่คนเดียว และไม่มีอุปกรณ์เซฟตี้เลยสักชิ้น ซึ่งสระว่ายน้ำดังกล่าวจะแบ่งออกเป็นสระเด็ก และสระผู้ใหญ่ ซึ่งทั้งสองสระอยู่ติดกัน
ขณะนั้น ในระหว่างที่ครูกำลังดูเด็กคนอื่นอยู่ ๆ ลูกสาวของตนก็ได้เดินไปที่สระผู้ใหญ่ โดยที่ไม่มีใครเห็น ก่อนที่จะจม และลอยขึ้นมาอยู่เหนือผิวน้ำทำให้ครูเข้าไป CPR พร้อมกับเรียกรถพยาบาลมารับ และครูก็แจ้งว่าลูกสาวของตนสำลักน้ำ ปฏิเสธว่าไม่ได้จมน้ำ
จากเหตุการณ์ดังกล่าว ลูกสาวของตนต้องพักรักษาตัวที่ห้องฉุกเฉิน 4 วัน เนื่องจากมีภาวะน้ำเต็มปอด และสมองขาดออกซิเจน ในระหว่างที่ลูกสาวพักรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาล ตนก็ได้ไปสอบถามความรับผิดชอบ แต่ก็ถูกเทศบาล และโรงเรียนโยนความรับผิดชอบกันไปมา พอไปถามเรื่องกล้องวงจรปิดก็บอกว่ากล้องเสีย ตลอดเวลาที่ผ่านมาทั้งสองฝ่ายก็เอาแต่เพียงขอโทษ และให้เงินมา 2,000 บาทเท่านั้น
ส่วนลูกสาวของตนเพิ่งออกจากโรงพยาบาลเมื่อวานนี้ แต่ยังมีอาการผวาตอนกลางคืน นอนร้องไห้ตลอดเวลา ทำให้ตนรู้สึกเป็นกังวลว่าลูกสาวจะเป็นคนกลัวน้ำ พร้อมกับฝากคำถามไปถึงครูว่า ทำไมถึงหันหลังให้เด็กอายุ 3 ขวบ คลาดสายตาไปได้ และทำไมถึงไม่มีอุปกรณ์เซฟตี้ให้เลย
นอกจากนี้ พ่อยังให้ข้อมูลอีกว่า ที่ผ่านมา เคยมีเด็กเล็กหลายคนเจอเรื่องแบบนี้ แต่ทางโรงเรียนและทางเทศบาลก็พยายามปิดข่าวมาตลอด จนทำให้หลายคนกลัวน้ำ กลัวชุดว่ายน้ำไปเลย
ด้านนายเอกภพ เหลืองประเสริฐ ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย และผู้ก่อตั้งเพจสายไหมต้องรอด เปิดเผยว่า กล้องวงจรปิดของเทศบาลที่มีมากกว่า 10 ตัว ทำไมถึงเสียหมด การที่เอาเด็กเล็กไปเรียนว่ายน้ำ ควรมีความปลอดภัยให้มากกว่านั้น ซึ่งหลังจากนี้ตนจะประสานไปยัง ผู้กำกับการ สภ.บางเลน เพราะมีตำรวจนายหนึ่งพูดกับครอบครัวว่า กล้องเสียจะให้ตำรวจทำยังไง เพราะเรื่องนี้ต้องมีคนรับผิดชอบ