จากกรณีอุบัติเหตุรถทัวร์ 2 ชั้น สายกรุงเทพมหานคร-บึงกาฬ เลขข้างรถ 943-11 เลขทะเบียน 16-8011 กรุงเทพมหานคร ของ บริษัท โลตัสพิบูลทัวร์ จำกัด ชนตอม่อเสาป้ายบอกเส้นทางโอเวอร์เฮดก่อนเสียหลักพลิกตะแครงข้างบนทางหลวงหมายเลข 2 ถ.มิตรภาพ ช่วงหลักกิโลเมตรที่ 143-144 ด้านขาออกตัวเมืองนครราชสีมา บริเวณหน้าอู่เชิดชัยอุตสาหกรรม เขตเทศบาลนคร (ทน.) นครราชสีมา เมื่อช่วงกลางดึก วันที่ 19 มีนาคม ทำให้มีผู้เสียชีวิต 2 ราย และบาดเจ็บ 43 ราย ตามที่เสนอข่าวมาเป็นลำดับ
ทั้งนี้มีรายงานความคืบหน้าอาสาสมัครหน่วยกู้ชีพฮุก.31 นครราชสีมาและสว่างเมตตาโคราชพยายามใช้เครื่องตัดถ่างนำร่างผู้เสียชีวิตจำนวน 2 ราย ที่ถูกซากรถทับออกแต่ไม่สามารถดำเนินการได้ต้องใช้รถเครนขนาดใหญ่ยกซากรถ เพื่อนำร่างผู้เสียชีวิตออกมา ซึ่งต้องใช้เวลาร่วม 2 ชั่วโมง จากนั้น ร.ต.อ พงษ์ศักดิ์ ปิยเฉลิมชัย รองสารวัตรเวรสอบสวน สภ.โพธิ์กลาง อ.เมือง พร้อมเจ้าหน้าที่กลุ่มงานนิติเวชโรงพยาบาลมหาราช นครราชสีมา ได้ชันสูตรพลิกศพทราบชื่อผู้เสียชีวิตคือนายบุญทัน อายุ 61 ปีที่อยู่ หมู่ 8 ถ.สันติสุข ต.ทุ่งกระตาดพัฒนา อ.หนองกี่ จ.บุรีรัมย์ และนายณรงค์ อายุประมาณ 40 ปี ซึ่งเป็นพนักงานประจำรถ
จากการสอบสวนทราบว่า นายบุญทัน ปฏิบัติหน้าที่ขับขี่และนายณรงค์ เป็นพนักงานประจำรถ นำผู้โดยสารมาจากสถานีขนส่งผู้โดยสารจังหวัดบึงกาฬ ซึ่งเป็นรถบัส 2 ชั้น จึงสามารถรับผู้โดยสารได้ 43 ราย ได้จอดแวะกลางทางที่สถานีขนส่งผู้โดยสารแห่งที่ 2 นครราชสีมา เพื่อให้ผู้โดยสารรับประทานอาหารและทำธุระส่วนตัว จากนั้นจึงแล่นมุ่งหน้าไปปลายทางกรุงเทพมหานคร ขณะที่รถแล่นลงสะพานข้ามทางรถไฟสีมาธานีด้วยความเร็วสูง ช่วงเข้าโค้งขวารถพุ่งชนตอม่อเสาแล้วเสียหลักพลิกคว่ำ สันนิษฐานจากระยะทางระหว่างสถานีขนส่งที่จอดแวะครั้งสุดท้ายห่างจากจุดเกิดเหตุประมาณ 5 กิโลเมตร ใช้เวลาขับรถไม่เกิน 10 นาที ผู้ขับขี่มิได้หลับในแต่อย่างใด โดยเกิดจากความประมาทใช้ความเร็วสูงช่วงส่งขึ้นสะพานที่ไม่ใช้ลาดชันมากจังหวะลงชะลอความเร็วทำให้เกิดอุบัติเหตุดังกล่าว
ล่าสุดนายจรูญ จงไกรจักร ขนส่งจังหวัดนครราชสีมา พร้อมผู้แทนหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ลงพื้นที่เยี่ยมผู้บาดเจ็บจำนวนทั้งสิ้น 43 ราย แยกเป็นชาย 20 ราย และ หญิง 23 ราย ซึ่งมีส่วนหนึ่งมีสัญชาติ สปป.ลาว โดยนำส่งไปรักษาที่โรงพยาบาลมหาราช นครราชสีมา รพ.กรุงเทพ ราชสีมา รพ.เซนต์เมรี่ รพ.โคราชเมโมเรียล และ รพ. ป.แพทย์ 2 เพื่อให้การช่วยเหลือเยียวยาเบื้องต้นและสอบปากคำ กรณีได้รับบาดเจ็บไม่มาก แพทย์อนุญาตให้กลับบ้านได้และประสงค์ต้องการเดินต่อ ได้จัดบริการให้รถโดยสารนำส่งต่อไป