ชาวจังหวัดพิจิตรปลื้มปีติ พร้อมเฝ้ารับเสด็จฯ ในหลวง-พระราชินี ทรงเปิดโครงการบึงสีไฟเฉลิมพระเกียรติ  ด้านนายกฯ เผยซ้อมปั่นจักรยาน เตรียมร่วมรับเสด็จฯ สนามจักรยานสราญจิตมงคลสุข


ที่โรงแรมอนันตรา รีสอร์ท จ.เชียงใหม่ เมื่อวันที่ 17 มี.ค.67 นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรมว.คลัง ได้ทดลองรถจักรยานที่จะนำไปร่วมปั่นในพิธีเปิดโครงการพัฒนาบึงสีไฟเฉลิมพระเกียรติ เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ28 ก.ค.67 โดยโครงการดังกล่าวจะจัดขึ้นในวันที่ 23 มี.ค. ที่สนามจักรยานสราญจิตมงคลสุข ซึ่งเป็นสนามปั่นจักรยานรอบบึงสีไฟ จ.พิจิตร ทั้งนี้ นายเศรษฐา เปิดเผยว่า พิธีดังกล่าว พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี จะเสด็จพระราชดำเนินไปทรงเปิดโครงการฯ  ส่วนตนจะร่วมปั่นด้วยเป็นระยะทาง 10.4 กิโลเมตร ซึ่งรถจักรยานที่ใช้สีดำทรงสตรีทไบค์ ปรับได้ 12 เกียร์ ซึ่งสมัยก่อนรถจักรยานที่ตนใช้ปั่นเมื่อ 10-20 ปีก่อนมีเพียง 8 เกียร์เท่านั้น 
    
 ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 17 มี.ค.นายกฯได้โพสต์ภาพซ้อมปั่นจักรยานคันดังกล่าวที่จ.เชียงใหม่ 
     
ขณะเดียวกันที่ วันเดียวกัน บนโซเชียลฯ แชร์ภาพโครงการพัฒนาบึงสีไฟเฉลิมพระเกียรติ อ.เมือง จ.พิจิตร ที่ได้รับการปรับปรุงโฉมใหม่ ซึ่งพบว่าภาพที่ชาวเน็ตนำมาเผยแพร่และบอกต่อ เป็นภาพจากสำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดพิจิตร โดยมีการก่อสร้างทางจักรยานรอบบึงสีไฟ ความกว้าง 10.28 เมตร ระยะทาง 10.28 กิโลเมตร สนามจักรยาน BMX ความยาว 356 เมตร พื้นที่รวมทั้งหมด 8,400 ตารางเมตร สนามจักรยานขาไถ (Balance Bike) ความยาว 120 เมตร พื้นที่รวมทั้งหมด 1,600 ตารางเมตร และสนามปั๊มแทร็ก (Pump Track) ความยาว 350 เมตร พื้นที่รวม 1,683 ตารางเมตร สนามจักรยานทุกประเภทที่บึงสีไฟ ได้รับการันตีจากสมาคมกีฬาจักรยานแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ ให้เป็นหนึ่งในสนามที่ดีที่สุดมาตรฐานติด 1 ใน 5 ของประเทศไทย และสามารถจัดการแข่งขันในระดับนานาชาติได้
    
 ทั้งนี้ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี จะเสด็จพระราชดำเนินไปทรงเปิดโครงการพัฒนาบึงสีไฟเฉลิมพระเกียรติ เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 28 ก.ค.2567 ในวันเสาร์ที่ 23 มี.ค. เวลา 17.00 น. โดยพระราชทานชื่อสนามจักรยานว่า "สนามจักรยานสราญจิตมงคลสุข" หมายความว่า สนามจักรยานเป็นสถานที่ทำให้ใจสำราญเป็นมงคลและสุขสบาย โดยชาวจ.พิจิตรได้เตรียมการเฝ้ารับเสด็จฯ อย่างเรียบร้อยและสมพระเกียรติ ด้วยความภาคภูมิใจในพระมหากรุณาธิคุณ ที่ทรงมีพระบรมราโชบายในการปรับปรุงพัฒนาบึงสีไฟแห่งนี้
    
 สำหรับบึงสีไฟ เป็นบึงน้ำธรรมชาติขนาดใหญ่ที่อยู่คู่กับจ.พิจิตรมาช้านาน เป็นสถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติอันอุดมสมบูรณ์ ความอุดมสมบูรณ์ของบึงสีไฟในอดีต มีหลักฐานจากสมัยพระบรมไตรโลกนาถแห่งกรุงศรีอยุธยา ที่ทรงเห็นว่าจ.พิจิตรเป็นพื้นที่ลุ่มเต็มไปด้วยห้วยหนองคลองบึง โดยเฉพาะบึงสีไฟที่มีน้ำขังตลอดทั้งปี จึงทรงเรียกเมืองพิจิตรว่า โอฆะบุรี ที่แปลว่าห้วงน้ำ อาณาบริเวณของบึงสีไฟครอบคลุมพื้นที่ 12,000 ไร่ ปัจจุบันมีพื้นที่ 5,390 ไร่ จัดเป็นบึงที่มีขนาดใหญ่เป็นอันดับสามของประเทศและยังเป็นแหล่งเศรษฐกิจและแหล่งรายได้จากการทำประมง ทำสวนบัวและการค้าขาย โดยมีพื้นที่ติดต่อ 5 ตำบล ได้แก่ ต.ในเมือง ต.ท่าหลวง ต.เมืองเก่า ต.โรงช้าง และ ต.คลองคะเชนทร์
    
 เมื่อเดือน มี.ค.44 สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี ได้มีโอกาสเสด็จพระราชดำเนินมาที่จ.พิจิตร พร้อมได้ทอดพระเนตรบึงสีไฟเป็นการส่วนพระองค์ จากนั้นในปี 56 บึงสีไฟประสบภาวะภัยแล้งอย่างหนัก ฝนที่ทิ้งช่วงเป็นเวลานานทำให้น้ำในบึงแห้งขอด จนเกิดดินแตกระแหง และในปี 2559 เกิดไฟไหม้บริเวณเกาะกลางบึงสีไฟ เนื่องจากมีวัชพืชแห้งทับถมกันเป็นเวลานาน ทำให้เกิดไฟไหม้ได้ง่าย โดยเฉพาะในภัยแล้ง หน่วยราชการในพระองค์ได้น้อมนำพระบรมราโชบายในการปรับปรุงพัฒนาบึงสีไฟ และประสานความร่วมมือกับหน่วยงานภาครัฐและเอกชน โดยมีเป้าหมายร่วมกันในการดำเนินการปรับปรุงพัฒนาพื้นที่บึงสีไฟให้กลับมาสมบูรณ์งดงามดังเดิม โดยวางแผนการบริหารงานดังนี้
    
 ในส่วนด้านการบริหารจัดการดิน กรมเจ้าท่าดำเนินการขุดลอกบึงสีไฟระหว่างปีงบประมาณ 2560 ถึงปีงบประมาณ 2563 ด้านการบริหารจัดการน้ำ แต่เดิมบึงสีไฟรับน้ำจากน้ำฝนและการผันน้ำจากระบบชลประทาน เข้ามาเติมในช่วงหน้าแล้ง ในการพัฒนาพื้นที่บึงสีไฟ กรมชลประทานโดยโครงการชลประทานพิจิตร ได้ผันน้ำ ผ่านคลองชลประทานอาศัยน้ำจากทางเหนือที่ไหลมาจากเขื่อนนเรศวร 
    
 ขณะที่ด้านการปรับปรุงภูมิทัศน์ มีการปรับปรุงภูมิทัศน์ภายในสวน สมเด็จพระศรีนครินทร์พิจิตรและการปรับปรุงสภาพแวดล้อมโดยรอบบึงสีไฟ รวมทั้งมีการสร้างทางจากดินที่ขุดลอก มาทำเป็นทางจักรยาน ทางเดิน และลู่วิ่ง โดยสมาคมกีฬาจักรยานแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ การพัฒนาอุทยานบัวบึงสีไฟโดยขยายพันธุ์บัวหลากหลายสายพันธุ์ จัดแสดงนิทรรศการให้ความรู้และส่งเสริมการท่องเที่ยว การจัดสร้างสถานเพราะพันธุ์ปลาเฉลิมพระเกียรติ เพื่อให้บึงสีไฟเป็นแหล่งเรียนรู้เกี่ยวกับพันธุ์ปลาน้ำจืดที่ควรค่าต่อการอนุรักษ์ รวมทั้งยังมีการปลูกป่าในบริเวณพื้นที่เกาะกลางบึงที่เคยถูกไฟไหม้ให้กลับมาเขียวชอุ่มดังเดิม แหล่งน้ำสำคัญคู่เมืองพิจิตรซึ่งทำให้ประชาชนได้รับประโยชน์ทั้งทางตรงและทางอ้อม เป็นทั้งแหล่งอาชีพเป็นสถานที่พักผ่อนหย่อนใจ และประกอบกิจกรรมสันทนาการต่าง ๆ อันทำให้ประชาชนมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น
    
 สำหรับการพัฒนาฟื้นฟูมีความก้าวหน้ามาโดยลำดับอย่างสวยงาม ในปี 66-67 บึงสีไฟสามารถกักเก็บน้ำเต็มบึง 100% ในปริมาณ 12.64 ล้านลูกบาศก์เมตร มีเลนปั่นจักรยานรอบบึงระยะทาง 10.28 กิโลเมตร มีการสร้างสนามจักรยาน BMX สนามขาไถ สนามปั๊มแทรค สนามเด็กเล่นสร้างปัญญา จ.พิจิตรจึงเสนอให้บึงสีไฟเป็นโครงการเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 28 กรกฎาคม 2567

     ชาวจังหวัดพิจิตรปลื้มปีติ พร้อมเฝ้ารับเสด็จฯ ในหลวง-พระราชินี ทรงเปิดโครงการบึงสีไฟเฉลิมพระเกียรติ  ด้านนายกฯ เผยซ้อมปั่นจักรยาน เตรียมร่วมรับเสด็จฯ สนามจักรยานสราญจิตมงคลสุข


     ที่โรงแรมอนันตรา รีสอร์ท จ.เชียงใหม่ เมื่อวันที่ 17 มี.ค.67 นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรมว.คลัง ได้ทดลองรถจักรยานที่จะนำไปร่วมปั่นในพิธีเปิดโครงการพัฒนาบึงสีไฟเฉลิมพระเกียรติ เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ28 ก.ค.67 โดยโครงการดังกล่าวจะจัดขึ้นในวันที่ 23 มี.ค. ที่สนามจักรยานสราญจิตมงคลสุข ซึ่งเป็นสนามปั่นจักรยานรอบบึงสีไฟ จ.พิจิตร ทั้งนี้ นายเศรษฐา เปิดเผยว่า พิธีดังกล่าว พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี จะเสด็จพระราชดำเนินไปทรงเปิดโครงการฯ  ส่วนตนจะร่วมปั่นด้วยเป็นระยะทาง 10.4 กิโลเมตร ซึ่งรถจักรยานที่ใช้สีดำทรงสตรีทไบค์ ปรับได้ 12 เกียร์ ซึ่งสมัยก่อนรถจักรยานที่ตนใช้ปั่นเมื่อ 10-20 ปีก่อนมีเพียง 8 เกียร์เท่านั้น 
    
 ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 17 มี.ค.นายกฯได้โพสต์ภาพซ้อมปั่นจักรยานคันดังกล่าวที่จ.เชียงใหม่ 
    
 ขณะเดียวกันที่ วันเดียวกัน บนโซเชียลฯ แชร์ภาพโครงการพัฒนาบึงสีไฟเฉลิมพระเกียรติ อ.เมือง จ.พิจิตร ที่ได้รับการปรับปรุงโฉมใหม่ ซึ่งพบว่าภาพที่ชาวเน็ตนำมาเผยแพร่และบอกต่อ เป็นภาพจากสำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดพิจิตร โดยมีการก่อสร้างทางจักรยานรอบบึงสีไฟ ความกว้าง 10.28 เมตร ระยะทาง 10.28 กิโลเมตร สนามจักรยาน BMX ความยาว 356 เมตร พื้นที่รวมทั้งหมด 8,400 ตารางเมตร สนามจักรยานขาไถ (Balance Bike) ความยาว 120 เมตร พื้นที่รวมทั้งหมด 1,600 ตารางเมตร และสนามปั๊มแทร็ก (Pump Track) ความยาว 350 เมตร พื้นที่รวม 1,683 ตารางเมตร สนามจักรยานทุกประเภทที่บึงสีไฟ ได้รับการันตีจากสมาคมกีฬาจักรยานแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ ให้เป็นหนึ่งในสนามที่ดีที่สุดมาตรฐานติด 1 ใน 5 ของประเทศไทย และสามารถจัดการแข่งขันในระดับนานาชาติได้
    
 ทั้งนี้ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี จะเสด็จพระราชดำเนินไปทรงเปิดโครงการพัฒนาบึงสีไฟเฉลิมพระเกียรติ เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 28 ก.ค.2567 ในวันเสาร์ที่ 23 มี.ค. เวลา 17.00 น. โดยพระราชทานชื่อสนามจักรยานว่า "สนามจักรยานสราญจิตมงคลสุข" หมายความว่า สนามจักรยานเป็นสถานที่ทำให้ใจสำราญเป็นมงคลและสุขสบาย โดยชาวจ.พิจิตรได้เตรียมการเฝ้ารับเสด็จฯ อย่างเรียบร้อยและสมพระเกียรติ ด้วยความภาคภูมิใจในพระมหากรุณาธิคุณ ที่ทรงมีพระบรมราโชบายในการปรับปรุงพัฒนาบึงสีไฟแห่งนี้
    
 สำหรับบึงสีไฟ เป็นบึงน้ำธรรมชาติขนาดใหญ่ที่อยู่คู่กับจ.พิจิตรมาช้านาน เป็นสถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติอันอุดมสมบูรณ์ ความอุดมสมบูรณ์ของบึงสีไฟในอดีต มีหลักฐานจากสมัยพระบรมไตรโลกนาถแห่งกรุงศรีอยุธยา ที่ทรงเห็นว่าจ.พิจิตรเป็นพื้นที่ลุ่มเต็มไปด้วยห้วยหนองคลองบึง โดยเฉพาะบึงสีไฟที่มีน้ำขังตลอดทั้งปี จึงทรงเรียกเมืองพิจิตรว่า โอฆะบุรี ที่แปลว่าห้วงน้ำ อาณาบริเวณของบึงสีไฟครอบคลุมพื้นที่ 12,000 ไร่ ปัจจุบันมีพื้นที่ 5,390 ไร่ จัดเป็นบึงที่มีขนาดใหญ่เป็นอันดับสามของประเทศและยังเป็นแหล่งเศรษฐกิจและแหล่งรายได้จากการทำประมง ทำสวนบัวและการค้าขาย โดยมีพื้นที่ติดต่อ 5 ตำบล ได้แก่ ต.ในเมือง ต.ท่าหลวง ต.เมืองเก่า ต.โรงช้าง และ ต.คลองคะเชนทร์
   
  เมื่อเดือน มี.ค.44 สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี ได้มีโอกาสเสด็จพระราชดำเนินมาที่จ.พิจิตร พร้อมได้ทอดพระเนตรบึงสีไฟเป็นการส่วนพระองค์ จากนั้นในปี 56 บึงสีไฟประสบภาวะภัยแล้งอย่างหนัก ฝนที่ทิ้งช่วงเป็นเวลานานทำให้น้ำในบึงแห้งขอด จนเกิดดินแตกระแหง และในปี 2559 เกิดไฟไหม้บริเวณเกาะกลางบึงสีไฟ เนื่องจากมีวัชพืชแห้งทับถมกันเป็นเวลานาน ทำให้เกิดไฟไหม้ได้ง่าย โดยเฉพาะในภัยแล้ง หน่วยราชการในพระองค์ได้น้อมนำพระบรมราโชบายในการปรับปรุงพัฒนาบึงสีไฟ และประสานความร่วมมือกับหน่วยงานภาครัฐและเอกชน โดยมีเป้าหมายร่วมกันในการดำเนินการปรับปรุงพัฒนาพื้นที่บึงสีไฟให้กลับมาสมบูรณ์งดงามดังเดิม โดยวางแผนการบริหารงานดังนี้
    
 ในส่วนด้านการบริหารจัดการดิน กรมเจ้าท่าดำเนินการขุดลอกบึงสีไฟระหว่างปีงบประมาณ 2560 ถึงปีงบประมาณ 2563 ด้านการบริหารจัดการน้ำ แต่เดิมบึงสีไฟรับน้ำจากน้ำฝนและการผันน้ำจากระบบชลประทาน เข้ามาเติมในช่วงหน้าแล้ง ในการพัฒนาพื้นที่บึงสีไฟ กรมชลประทานโดยโครงการชลประทานพิจิตร ได้ผันน้ำ ผ่านคลองชลประทานอาศัยน้ำจากทางเหนือที่ไหลมาจากเขื่อนนเรศวร 
   
  ขณะที่ด้านการปรับปรุงภูมิทัศน์ มีการปรับปรุงภูมิทัศน์ภายในสวน สมเด็จพระศรีนครินทร์พิจิตรและการปรับปรุงสภาพแวดล้อมโดยรอบบึงสีไฟ รวมทั้งมีการสร้างทางจากดินที่ขุดลอก มาทำเป็นทางจักรยาน ทางเดิน และลู่วิ่ง โดยสมาคมกีฬาจักรยานแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ การพัฒนาอุทยานบัวบึงสีไฟโดยขยายพันธุ์บัวหลากหลายสายพันธุ์ จัดแสดงนิทรรศการให้ความรู้และส่งเสริมการท่องเที่ยว การจัดสร้างสถานเพราะพันธุ์ปลาเฉลิมพระเกียรติ เพื่อให้บึงสีไฟเป็นแหล่งเรียนรู้เกี่ยวกับพันธุ์ปลาน้ำจืดที่ควรค่าต่อการอนุรักษ์ รวมทั้งยังมีการปลูกป่าในบริเวณพื้นที่เกาะกลางบึงที่เคยถูกไฟไหม้ให้กลับมาเขียวชอุ่มดังเดิม แหล่งน้ำสำคัญคู่เมืองพิจิตรซึ่งทำให้ประชาชนได้รับประโยชน์ทั้งทางตรงและทางอ้อม เป็นทั้งแหล่งอาชีพเป็นสถานที่พักผ่อนหย่อนใจ และประกอบกิจกรรมสันทนาการต่าง ๆ อันทำให้ประชาชนมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น
    
 สำหรับการพัฒนาฟื้นฟูมีความก้าวหน้ามาโดยลำดับอย่างสวยงาม ในปี 66-67 บึงสีไฟสามารถกักเก็บน้ำเต็มบึง 100% ในปริมาณ 12.64 ล้านลูกบาศก์เมตร มีเลนปั่นจักรยานรอบบึงระยะทาง 10.28 กิโลเมตร มีการสร้างสนามจักรยาน BMX สนามขาไถ สนามปั๊มแทรค สนามเด็กเล่นสร้างปัญญา จ.พิจิตรจึงเสนอให้บึงสีไฟเป็นโครงการเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 28 กรกฎาคม 2567