เมื่อวันที่ 15 มี.ค.67 ผู้สื่อข่าวได้รับการร้องเรียนจากผู้เสียหายหลังถูกกระซากคอน้ำหนัก 5 บาทแต่คดีไม่มีความคืบหน้าทั้งที่รู้ตัวผู้ก่อเหตุอีกทั้งผู้ก่อเหตุยังใช้ชีวิตสุขสบายออกรถป้ายแดง ผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปพูดคุยกับผู้เสียหายทราบชื่อคือ น.ส.เปรมนีย์ (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 37 ปี เล่าด้วยว่าเกิดเหตุตั้งแต่วันที่ 24 มิ.ย.66 ช่วงเวลา 21.30 น. ตนและน้องสาวได้ไปทำธุระในบงกชจากนั้นมีชายผู้ก่อเหตุขี่ รถจยย.ฮอนด้าเวฟ ไม่ทราบทะเบียนขี่มาประกบด้านข้างก่อนกระซากสร้องคอทองคำหนัก 5 บาทและขี่หลบหนีไปแต่ใจสู้ได้พยายามไล่ติดตามไปแต่ไม่ทันคนร้ายภายหลังเข้าแจ้งความที่ สภ.เมืองพัทยา พร้อมประสานให้ทางชุดสืบสวนลงพื้นที่ตรวจสอบกล้องวงจรปิดตามจุดต่างๆและเส้นทางที่คนร้ายใช้ในการหลบหนีตนได้ถามถึงเหตุการณ์และตามเรื่องอยู่ตลอด เมื่อถามไปทางชุดสืบสวนก็บอกว่าทราบตัวคนร้ายแล้วได้ให้ร้อยเวรออกหมายจับก่อนถึงจะดำเนินการได้ตนจึงหันกลับไปถามร้อยเวรก็มีการบ่ายเบี่ยงบอกกำลังดำเนินการบอกให้แต่ตนใจเย็นสร้างความไม่เชื่อมั่นกับการทำของเจ้าหน้าที่ตำรวจโดยปล่อยเวลาให้ผ่านไปถึง 9 เดือนจน

ปัจจุบันหมายจับยังไม่ออกด้านตนเองไม่ได้นิ่งนอนใจจึงคุยกันในกลุ่มออกติดตามสืบหาหาข้อมูลจนทราบว่าคนร้ายนั้นพักอาศัยอยู่ที่ไหนและส่งเรื่องให้ตำรวจแต่ก็นิ่งเฉยอีกทั้งยังทำให้เจ็บช้ำน้ำใจเมื่อว่าคนร้ายได้ออกรถป้ายแดงตั้งแต่เดือนธันวาคม 66 ตนไม่รู้จะหาทางออกยังไงจึงได้มาร้องขอความช่วยจากผู้สื่อข่าวให้ช่วยเป็นสื่อกลาง อีกทั้งอยากให้เจ้าหน้าที่ตำรวจช่วยเห็นใจเพราะของที่เสียไปตนเก็บเงินกว่า 10 ปีเพื่อชื้อทองสร้อยนี้เพื่อเป็นของขวัญให้ชีวิตตัวเองก่อนมาถูกก่อเหตุสูญเงินนับแสนบาทวอนเจ้าหน้าที่ช่วยดำเนินการอย่างจริงจังและช่วยเร่งตามคนร้ายรายนี้มารับโทษตามกฎหมายต่อไป