วันที่ 14 มี.ค.67 เวลา 10.00 น.ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ศูนย์รับแจ้งความกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง พหลโยธิน จตุจักร กทม. น.ส.กฤษอนงค์ สุวรรณวงศ์ ประธานอำนวยการศูนย์ประสานงานส่งเสริมเครือข่าย-ออนไลน์(ศคอ.) พาผู้เสียหาย รวมทั้งแม่ชี ประมาณ 50 คน เดินทางเข้ายื่นหนังสือถึง พล.ต.ต.พุฒิเดช บุญกระพือ ผบก.ปอศ.ให้ตรวจสอบการดำเนินธุรกิจของบริษัทขายตรงแห่งหนึ่งที่อ้างว่า ทำธุรกิจเพื่อต้องการช่วยเหลือกลุ่มคนระดับล่างระดับรากหญ้า เป็นผู้ที่มีรายได้น้อยให้มีรายได้เพิ่มขึ้น โดยจ่ายผลตอบแทนให้นักธุรกิจถึง 70% สูงสุดในแวดวงธุรกิจขายตรง
น.ส.กฤษอนงค์ เปิดเผยว่า ศูนย์ประสานงานส่งเสริมเครือข่าย-ออนไลน์ (ศคอ.)ได้รับการร้องเรียนจากประชาชนขอให้ตรวจสอบการดำเนินธุรกิจของ บริษัทแห่งหนึ่ง ย่านลาดพร้าว ในประเด็น การดำเนินการโฆษณาเผยแพร่โปรโมชั่นการจับแจกรางวัลต่างๆ ในงานประชุมของบริษัทดังกล่าว ซึ่งได้โฆษณาให้ประชาชนซื้อตั๋วเข้างานเลี้ยง โดยประกาศว่าในงานดังกล่าว จะมีการจับแจกรางวัลใหญ่ เป็นรถยนต์ถึง 10 คัน แต่ในงานจริง บนเวทีมีการมอบรถยนต์เพียง 1 คัน ทำให้เกิดการเคลือบแคลงสงสัยในหมู่ผู้เข้างาน การประกาศชักชวนประชาชนขายตั๋วให้เข้างานเลี้ยงและจับรางวัลดังกล่าวนั้น ได้เป็นไปอย่างถูกต้องตามพระราชบัญญัติขายตรงและตลาดแบบตรง พ.ศ. 2545 หรือไม่อย่างไร หรือเข้าข่ายความผิดฐานฉ้อโกงหรือความผิดฐานฉ้อโกงประชาชน ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 341, 343 หรือไม่ อย่างไร
และประเด็นโครงการผู้สูงอายุ มีการโฆษณาชักชวนให้สมาชิกหรือประชาชนทั่วไป ผู้ที่ซื้อสินค้ารักษายอดเป็นระยะเวลาหนึ่งประมาณ 6 เดือน และหลังจากนั้นจะมีการการันตีจ่ายโบนัสอย่างต่อเนื่องตลอดชีวิต การกระทำดังกล่าวได้เป็นไปอย่างถูกต้องตามกฎหมาย หรือไม่ เข้าข่ายความผิดฐานฉ้อโกงหรือความผิดฐานฉ้อโกงประชาชน ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 341, 343 หรือไม่ อย่างไร นอกจากนี้ยังพบว่าบริษัทดังกล่าวได้ตัดรหัสของสมาชิกขายตรงที่ทำยอดขายได้ครบ 1 ล้านบาทขึ้นไป เพื่อไม่ต้องจ่ายค่าคอมฯ ด้วยเป็นการทำลายอาชีพขายตรง จึงอยากให้ ทาง บก.ปอศ.ตรวจสอบการดำเนินการของบริษัทฯ ดังกล่าว ว่าเข้าข่ายการกระทำความผิดตามที่สอบถามหรือไม่ และขอให้แจ้งผลการตรวจสอบให้ทาง ศคอ.ทราบ เพื่อเป็นการสร้างมาตรฐานการซื้อขายออนไลน์ ส่งเสริมภาพลักษณ์ที่ดี และเพื่อยับยั้งมิให้ประชาชนตกเป็นเหยื่อ ป้องกันภัยความเสียหายอันอาจขยายวงกว้าง
ด้าน นางแองเจิล (นามสมมุติ) อายุ 63 ปี เปิดเผยว่าด้วยความที่ตนเป็นผู้สูงอายุ และตอนนี้อายุ 63 ปี แล้ว และมีบริษัทดังกล่าวได้มาชักชวนตนว่า มีโครงการผู้สูงอายุ ทางบริษัทเสนอว่า รัฐบาลให้เบี้ยผู้สูงอายุ 600 บาท แต่ทางบริษัท จะให้ เดือนละ 6,000 บาท ต้องนำเงินไปรักษายอดกับทางบริษัท ครบ 6 เดือน ซึ่งทำให้ตน นำเงินไปรักษายอดเดือนละ 2,500 บาท ต่อเดือน ให้ครบ 6 เดือน แต่กลับได้มาแค่ อาหารเสริมกลับมา ซึ่งทางบริษัทก็พยายามบายเบี่ยง บอกว่า ให้รอไปก่อน ตนก็เลยรอแต่ ก็ไม่ได้อะไรเลย ตนจึงหยุดทำยอด ติดต่อบริษัท ไม่ได้เลย ตนจึงมาร้อง ปอศ. ให้ตรวจสอบบริษัท ดังกล่าว
เบื้องต้น พ.ต.ท.ไพศาล กลีบบัว รอง ผกก.4 ปอศ. ได้เข้ารับหนังสือ กับ น.ส.กฤษอนงค์ แระธาน ศคอ.และผู้เสียหายทั้งหมด พร้อมบอกว่า จะมีการตรวจสอบบริษัทดังกล่าวว่า มีการ ขายตรงแชร์ลูกโซ่ หรือไม่ต่อไป
#ขายตรง #แชร์ลูกโซ่ #ข่าววันนี้ #กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง