ตำรวจ เป็นประธานสวดศพ “น้องสา” สาวเมียนมาร์ที่ถูกอดีตแฟนฆ่าหมกศพในบ่อกุฏิร้าง ซึ้งน้ำใจ“ก๊ะสาว” นายจ้างแม้เป็นมุสลิมรับเป็นเจ้าภาพจัดงานแบบชาวไทยพุทธให้จนเผาศพ เผยเป็นคนน่ารัก ขยันจนวาระสุดท้าย

กรณีนายพิชญา หรือ “นาย” อายุ 27 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับในคดีฆ่า น.ส.ซูซาอัง หรือน้องสา ชาวเมียนมาร์นำศพทิ้งบ่อกุฏิร้างวัดท้าวโคตร อ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช ก่อนหลบหนีไป จ.กระบี่ กระทั่งเจ้าหน้าที่นำตัวมาสอบปากคำ เบื้องต้นได้รับสารภาพว่ารู้สึกผิด ระบุสาเหตุมาจากความหึงหวง ส่วนเงินที่เอาสร้อยคอทองคำไปขายได้เกือบ 100,000 บาท ได้ใช้จ่ายไปจนหมดเหลือติดตัวแค่ 100 กว่าบาทนั้น

เมื่อคืนที่ผ่านมา ที่ศาลาบำเพ็ญกุศลศพวัดบุญนารอบ ต.ในเมือง อ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช เป็นการสวดอภิธรรมศพของน้องสาเป็นคืนแรก โดยมี พ.ต.อ.เอกกิตติชัย ไกรนรา ผกก.สภ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช ได้ไปเป็นประธานสวดอภิธรรมศพ น้องสา และมีเพื่อนสนิทชาวเมียนมาของน้องสาที่เป็นเพื่อนทำงานอยู่ใน อ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช รวมทั้งเพื่อนร่วมงานที่เป็นคนไทยมาร่วมงานเป็นจำนวนมาก บรรยากาศเป็นไปอย่างโศกเศร้า

นางประภัสสร พิกุลวัน หรือ”ก๊ะสาว” ซึ่งเป็นไทยมุสลิมผู้ประกอบการค้าไก่สดรายใหญ่ของนครศรีธรรมราช และยังมีธุรกิจอีกหลายกิจการ ในฐานะนายจ้างของน้องสา ที่ทำงานมากว่า 10 ปี มาช่วยดูแลในเรื่องการดำเนินการเกี่ยวกับการบำเพ็ญกุศลศพของของสาเป็นอย่างดีท่ามกลางความซึ้งในน้ำใจของนายจ้างรายนี้ โดยเพื่อนร่วมงานระบุว่าแม้จะอยู่ในสถานะต่างศาสนา แต่ได้รับที่จะจัดการดูแลจัดงานศพให้ตามแบบศาสนาพุทธที่น้องสาเป็นศาสนิก ทั้งยังระบุว่าน้องสาเป็นคนที่น่ารัก ขยัน เป็นที่รักของเพื่อนร่วมงานมาโดยตลอด คนรู้จักจะรักใคร่น้องสาทุกคน เป็นคนรับผิดชอบงานเป็นอย่างดี ไม่เคยทำความเดือดร้อนให้กับเพื่อนร่วมงานรวมทั้งทุกคนที่รู้จัก อารมณ์ดีชอบทำคอนเทนท์ต่างในติ๊กต็อกและเฟชบุ๊คจนคนติดตามจำนวนมาก

ก๊ะสาว หรือนางประภัสสร ระบุว่า ดีใจมากที่ตำรวจจับกุมผู้ต้องหาได้ อยากให้ได้รับโทษสูงสุดคือประหารชีวิต ที่ผ่านมาน้องสาเป็นฝ่ายช่วยเหลือครอบครัวผู้ต้องหามาโดยตลอด แล้วกลับมาทำกับน้องสาอย่างนี้และเชื่อว่าเขาไม่ได้ก่อเหตุเพียงคนเดียวเพราะน้องสาเป็นคนรูปร่างสูงอวบไม่เชื่อว่ารจะมีการยกศพเคลื่อนย้ายไปทิ้งในบ่อคนเดียว และได้แจ้งกับทุกคนว่าในส่วนของศพนั้นจะช่วยเหลือบำเพ็ญกุศลตามพิธีกรรมศาสนาพุทธให้กับน้องสาจนเสร็จสิ้นสมบูรณ์ หากครอบครัวที่เมียนมาของน้องสารับรู้ไม่ต้องเป็นห่วงใดๆทั้งสิ้นจะทำหน้าที่ให้เหมือนเป็นคนในครอบครัวเป็นญาติสนิทแทน

เช่นเดียวกันเพื่อนสนิทและเพื่อนแรงงานชาวเมียนมาต่างไม่เชื่อว่า การก่อเหตุของคนร้ายรายนี้ทำเพียงคนเดียวไม่ได้ เพราะน้องสานั้นมีน้ำหนักมาก หากยกร่างน้องสาเพียงคนเดียวที่มีน้ำหนักมากไปทิ้งบ่อเป็นไปไม่ได้ เชื่อว่าต้องมีคนร่วมมากกว่า 1 คน และที่ รับสารภาพทั้งน้ำตาว่ายังอยู่ด้วยกันนั้น เป็นไปไม่ได้ เพราะได้เลิกรากันนานแล้ว ขอให้ตำรวจดำเนินการอย่างตรงไปตรงมา อย่าคิดว่าเป็นแรงงานต่างด้าวแล้วไม่ทำอะไร