วันที่ 12 มี.ค. 2567 เวลา 13.10 น. ที่รัฐสภา นายพริษฐ์ วัชรสินธุ สส. บัญชีรายชื่อ ในฐานะโฆษกพรรคก้าวไกล ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) มีมติส่งสำนวนยุบพรรคก้าวไกลต่อศาลรัฐธรรมนูญ ทางพรรคก้าวไกลเตรียมความพร้อมไว้อย่างไรว่า พรรคก้าวไกล และทีมกฎหมายได้เตรียมความพร้อมไว้อยู่แล้ว ซึ่งไม่อยากให้ด่วนสรุปว่าผลลัพธ์จะเป็นอย่างไร ทีมกฎหมายจะทำงานอย่างเต็มที่ เพื่อพิสูจน์ความถูกต้องไม่ให้เกิดการยุบพรรค เพื่อพิสูจน์ความบริสุทธิ์ ประเด็นนี้ไม่ได้มีความสำคัญเพียงแค่ชะตากรรม และอนาคตของพรรคก้าวไกลเพียงอย่างเดียว แต่เป็นการพยายามพิสูจน์ว่าสิ่งที่พรรคทำไปไม่ใช่สิ่งที่ผิด หากเราทำได้จะสร้างบรรทัดฐานที่ถูกต้องสำหรับการเมืองไทยในอนาคต
นายพริษฐ์ กล่าวว่า ทางพรรคเองเข้าใจดีว่าการถูกยุบพรรคเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นหลายครั้งกับหลายพรรค เราไม่อยากเห็นการยุบพรรคการเมืองเป็นเรื่องปกติ ที่พูดไม่ใช่เพราะเป็นพรรคที่มีคดีถูกยุบพรรคอยู่ อย่างกรณีพรรคภูมิใจไทยที่สังคมความสนใจอยู่ แม้จะมีสส. พรรคก้าวไกลเป็นผู้เปิดโปง เรื่องของการทุจริตที่เกิดขึ้นกับบริหารพรรค แต่บทลงโทษที่เหมาะสมคงไม่ใช่การยุบพรรค ควรลงโทษที่ผู้บริหารพรรค
เมื่อถามว่ามีการสร้างพรรคสำรองไว้หรือไม่นั้น นายพริษฐ์ กล่าวว่า เรามีการรับมือ และวางแผนทุกฉากทัศน์อยู่แล้ว แต่อย่าเพิ่งด่วนพูดถึงสิ่งที่อาจจะยังไม่เกิดขึ้น ตอนนี้ทำเต็มที่ในการพิสูจน์ความจริงเท่าที่จะทำได้ จนถึงวันที่จะเกิดการวินิจฉัยคำตัดสินออกมา สส. และทีมงานของพรรคก็ยังทำงานเต็มที่ในการผลักดันกฎหมายความเปลี่ยนแปลงผ่านกลไกสภาฯ แต่ทางผู้บริหารพรรค ได้เตรียมการรับมือทุกสถานการณ์หรือไม่นั้น ก็ต้องตอบว่ามีแน่นอน
“ผมยืนยันเหมือนที่ได้ยืนยันทุกครั้ง ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นทุกความคิด ทุกนโยบาย ที่เราพยายามจะผลักดัน เราก็ต้องมียานพาหนะที่ขับเคลื่อนชุดความคิดต่อไปในการเมืองไทยแน่นอน ไม่อยากให้เราด่วนสรุป ว่าพรรคก้าวไกลจะถูกยุบ จนกระทั่งมีคำวินิจฉัยศาลออกมา แต่สำคัญกว่านั้น ก็ไม่อยากให้เราตั้งค่านิยม การยุบพรรคเป็นเรื่องปกติ ไม่ว่าจะพรรคใดก็ตาม”นายพริษฐ์ กล่าว
เมื่อถามว่ากังวลหรือไม่ลูกพรรคจะเสียขวัญ เพราะที่ผ่านมาเมื่อมีเหตุการณ์ยุบพรรค ก็มีสถานการณ์ผึ้งแตกรัง นายพริษฐ์กล่าวว่า สิ่งที่เรากังวลมากกว่าผลกระทบที่เกิดขึ้นต่อค่านิยมของการเมืองไทย ถ้าพูดถึงขวัญกำลังใจ หรือความทุ่มเทของสมาชิกพรรค ตนคิดว่าเราเดินหน้าต่อเต็มที่อยู่แล้ว
"สิ่งที่เรากังวลมากกว่า คือเรื่องผลกระทบที่จะเกิดขึ้น ต่อค่านิยมของการเมืองไทย เพราะยิ่งมีเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้น ไม่ใช่แค่กับพรรคก้าวไกล แต่เป็นพรรคการเมืองในอดีตด้วย กลายเป็นว่าเรากำลังไปสร้างค่านิยม หรือวัฒนธรรมทางการเมือง การยุบพรรคกลายเป็นเรื่องปกติ ทั้งที่เราควรจะสร้างนิเวศทางการเมือง ที่ทุกพรรคการเมืองสามารถเติบโตเป็นสถาบันการเมืองได้ ไม่ได้ยึดที่ตัวบุคคลใดบุคคลหนึ่ง เป็นศูนย์รวมคนที่มีชุดความคิดแบบเดียวกัน"นายพริษฐ์ กล่าว
เมื่อถามว่ามั่นใจหรือไม่ว่า จะจับมือกันแน่นไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น นายพริษฐ์ กล่าวว่า ตนมั่นใจ ว่าคนที่ลงสมัครรับเลือกตั้งเป็นสส. มี 2 อย่างที่เราเห็นตรงกัน คืออยากเปลี่ยนแปลงสังคม และสภาวะนิติสงครามไม่ควรเกิดขึ้น ซึ่งแม้เราจะไม่เห็นด้วย แต่ก็ไม่ได้เกินจินตนาการ ตนมั่นใจว่าเราจะเดินหน้าต่อไปอย่างมีเอกภาพ
เมื่อถามว่าในช่วงที่มีความอ่อนไหว จะไม่มีสส.ย้ายพรรคหรือไม่ นายพริษฐ์ กล่าวว่า ตนมั่นใจว่าทุกคนที่มาสมัครเข้าพรรค ถูกกลั่นกรองโดยคณะกรรมการสรรหา มีชุดความคิดตรงกัน และมีเอกภาพในการขับเคลื่อนชุดความคิดให้เป็นจริง ตัวอย่างเช่น การทำหน้าที่ฝ่ายค้าน ถ้าใครที่ติดตามการประชุมสภา จะเห็นว่าทุกสัปดาห์ มีกฎหมายที่ถูกเสนอโดยสส.พรรคก้าวไกล อย่างน้อย 1 ฉบับ ซึ่งถือเป็นผลลัพธ์ ตนมองว่าเป็นมิติใหม่ของการทำหน้าที่ฝ่ายค้าน ขณะเดียวกันก็มีการตรวจสอบรัฐบาล ซึ่งจะเป็นการดึงหรือบีบรัฐบาลให้ความสำคัญกับวาระที่เรามองว่าสำคัญ
เมื่อถามว่า คดียุบพรรคจะทำให้เสียสมาธิในการตรวจสอบรัฐบาลหรือไม่ นายพริษฐ์ กล่าวว่า ไม่เสียสมาธิแน่นอน ตั้งแต่เริ่มทำงานสภาชุดนี้มาพรรคก็เดินคู่ขนานอยู่แล้ว ทีมกฎหมายก็ทำเต็มที่ ในการพิสูจน์ความบริสุทธิ์ ส่วนสส.ก็ทำงานในสภา โดยเดินหน้าต่ออย่างไม่เสียสมาธิ
เมื่อถามว่าจะยังเข้มข้นอยู่เหมือนเดิมหรือไม่ นายพริษฐ์ กล่าวยืนยันว่า เข้มข้นเหมือนเดิม เราก็ทำงานท่ามกลางความเสี่ยงที่เรารับรู้เรื่องนี้มาโดยตลอด ที่ผ่านมาก็ไม่ได้ทำให้เสียสมาธิ
นายพริษฐ์ ยังกล่าวถึง การเตรียมการอภิปรายในมาตรา 152 ว่า จะมีการเปิดให้สส.ยื่นความจำนง ว่าจะอภิปรายในประเด็นอะไร ก่อนที่จะมีการคัดเลือก ยืนยันว่าข้อมูลค่อนข้างรอบด้าน ละเอียด ทำการบ้านล่วงหน้าแล้ว ซึ่งสส.ก็ได้มีการรวบรวมข้อมูลและทำการบ้านล่วงหน้าแล้ว