วันที่ 11 มีนาคม 2567 เมื่อเวลา 09.00 น. (ตามเวลาท้องถิ่นกรุงปารีส ซึ่งช้ากว่ากรุงเทพฯ 6 ชั่วโมง) ที่ห้องเสื้อ Dior สาขา AvenueMontaigne กรุงปารีส สาธารณรัฐฝรั่งเศส นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและ รมว.คลัง พร้อมด้วย น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ในฐานะรองคณะกรรมการยุทธศาสตร์ซอฟต์พาวเวอร์ พบหารือระหว่างรับประทานอาหารเช้ากับ นายเบอร์นาร์ด อาร์โนลต์ (Bernard Arnault) ผู้บริหารของกลุ่มธุรกิจสินค้าหรูเครือ LVMH บุคคลสำคัญของโลกในภาคอุตสาหกรรมแฟชั่นและสินค้า Luxury
โดยนายกฯ เน้นย้ำว่าประเทศไทยเปิดแล้วสำหรับการลงทุน และเดินหน้าเพื่อเป็นศูนย์กลางอุตสาหกรรมระดับโลก ขับเคลื่อนเศรษฐกิจไปสู่การเติบโตที่สูงขึ้นและความยั่งยืนในภาคส่วนสำคัญต่างๆ รัฐบาลให้ความสำคัญกับการสร้างความสามารถในการแข่งขันระดับโลก สร้าง soft power เศรษฐกิจสร้างสรรค์ ซึ่งไทยมีความภาคภูมิใจในมรดกทางงานฝีมืออันยาวนาน เช่น ผ้าไหมไทยและเครื่องประดับที่มีชื่อเสียงไปทั่วโลกทั้งความเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว และมีเทคนิคที่ซับซ้อน
นายกฯ เชื่อมั่นว่า งานฝีมืออันเป็นเอกลักษณ์และภูมิปัญญาท้องถิ่นโบราณนี้จะเป็นประโยชน์ร่วมกันของทั้งสองฝ่าย จึงอยากจะเชิญชวนกลุ่ม LVMH ร่วมกับประเทศไทยใช้เทคโนโลยีที่ทันสมัยมาเสริมสร้างเทคนิคและพัฒนาผ้าไทยให้ตอบสนองต่อความต้องการของตลาดต่างประเทศได้ดียิ่งขึ้น โดยไทยพร้อมต้อนรับนักออกแบบและทีมงานสร้างสรรค์จาก LVMH เพื่อหารือเกี่ยวกับความร่วมมือที่เป็นไปได้กับหน่วยงานไทยที่เกี่ยวข้องต่อไป
ต่อจากนั้น เวลา 10.00 น. (เวลาท้องถิ่นกรุงปารีส) ณ ห้อง Chaillot ชั้น 1 โรงแรม PrincedeGalles นาย Jean-Marc Duplaix, Deputy CEO บริษัท Kering ซึ่งเป็นบริษัทประกอบธุรกิจสินค้าประเภทแฟชั่นและสินค้าLuxury รายใหญ่อันดับ 4 ของโลก เข้าพบนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง โดยได้หารือกันในประเด็นเพื่อขยายความร่วมมือ
นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า บริษัทได้รับความนิยมอย่างมากในประเทศไทย เช่น Gucci และ Bottega ถือได้ว่ามียอดขายอันดับต้น ๆ ในไทย โดยนายกฯ กล่าวว่าปีหน้าจะ เป็นปียิ่งใหญ่ของการท่องเที่ยวไทย หากบริษัทพิจารณาเปิดสาขาเพิ่ม จะเป็นโอกาสอย่างมากสำหรับลูกค้าคนไทยและนักท่องเที่ยวต่างชาติ
บริษัทฯ รับทราบด้วยความยินดี และกล่าวชื่นชมว่า ลูกค้าชาวไทยเป็นลูกค้าคุณภาพ และขอบคุณที่ไทยให้ความสนใจ ทั้งนี้ บริษัทฯ มีความสนใจร่วมมือกับไทยในเรื่องการเพิ่มปริมาณสินค้าที่ส่งขายในประเทศไทย และธุรกิจ Luxury Cruise
นอกจากนี้ นายกฯ กล่าวว่า รัฐบาลมุ่งส่งเสริมให้ไทยเป็นศูนย์กลางอุตสาหกรรมระดับโลก ขับเคลื่อนเศรษฐกิจประเทศสู่การเติบโตที่สูงขึ้นและความยั่งยืนในภาคส่วนสำคัญต่าง ๆ พร้อมกับเสริมสร้างขีดความสามารถในการแข่งขัน เร่งสร้างเศรษฐกิจสร้างสรรค์ ซึ่งนายกฯ ได้กล่าวเชิญชวนบริษัท Kering ร่วมมือกับไทย เปิด Regional Office ที่ประเทศไทย โดยรัฐบาลไทยจะแก้ไขประเด็นอุปสรรคทางการค้า เช่น มาตรการภาษี สินค้าละเมิดลิขสิทธิ์ และการอำนวยความสะดวกในการดำเนินธุรกิจ (Ease of doing business)