“จตุพร” ประเมินฝ่ายอำนาจรุมขยับบีบถึงเวลาครบดีลพิเศษ ต้องไม่เบี้ยวข้อตกลง สัญญาณเล่นงานยุบเพื่อไทย ซ้ำร้าย ปปช.จ่อยื่นอุทธรณ์คดียิ่งลักษณ์ หาเสียงดิจิทัลจะเอาอย่างไร เชื่อปลายมีนาเห็นร่องรอยล้อมกรอบ “เศรษฐา” ให้พ้นนายกฯ เพื่อทักษิณไม่ซวยไปด้วย
เมื่อ 8 มี.ค.2567 นายจตุพร พรหมพันธุ์ วิทยากรคณะหลอมรวมประชาชน เฟซบุ๊คไลฟ์ว่า ช่วงเวลาครบดีลกำลังขยับมาบีบกดดันนายเศรษฐา ทวีสิน นายกฯ อย่างหนัก หากเบี้ยวดีลกันแล้ว คนที่ไปดีลจะเกิดหายนะตามไปด้วย
อีกทั้งกล่าวว่า สถานการณ์ขณะนี้ หลายกรณีเริ่มขยับรุมขย่มถี่ขึ้น ในประเด็นแก้ไข ม.112 พรรคก้าวไกลถูกศาล รธน.วินิจฉัยว่า เข้าข่ายล้มล้างการปกครองแล้ว ส่วนพรรคเพื่อไทยเมื่อครั้งหาเสียงเลือกตั้งล่าสุดชูประเด็นแก้ไข ม.112 เช่นกัน จึงไม่น่าจะมีอะไรแตกต่างกับพรรคก้าวไกล และแสดงถึงการเริ่มต้นเตือนไม่ให้เบี้ยวดีล
นอกจากนี้ คดีโรดโชว์ 240 ล้านบาทที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองตัดสินยกฟ้องยิ่งลักษณ์ ชินวัตร แล้วนั้น โอกาสที่จะถูกคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ปปช.) ยื่นอุทธรณ์ยังเป็นไปได้สูงเช่นกัน
"อะไรก็เกิดขึ้นได้และการอุทธรณ์ก็เป็นไปได้สูง ซึ่งที่ประชุมใหญ่ของศาลฎีกาคงประชุมคัดเลือกองค์คณะผู้พิพากษาขึ้นมาใหม่ จึงขึ้นอยู่กับดุลพินิจของคณะผู้พิพากษาในชุดนั้นๆ ดังนั้น แม้ยิ่งลักษณ์ ชนะยกนี้ แต่ไม่รู้ว่ายกสองจะมีผลเป็นอย่างไร"
นายจตุพร กล่าวว่า สิ่งที่เปลี่ยนไม่ได้เลยคือ ยิ่งลักษณ์ ถูกตัดสินคดีจำนำข้าวมีโทษติดคุก 5 ปี ซึ่งแค่นี้ก็ทำให้เหนื่อยแล้วที่จะรอดจากการติดคุก แม้ไม่มีการติดคุกจริงก็ตาม ด้วยเหตุจึงอยากบอกว่า อะไรที่ดูจะราบรื่นไปด้วยดี ต้องมีการเผื่อเหลือเผื่อขาดกันไว้บ้างก็ดี
ส่วนการเดินทางไปเชียงใหม่ของทักษิณในวันที่ 14-16 มี.ค.นี้ นายจตุพร กล่าวว่า ถึงทักษิณแสดงความสบายใจตัวเองออกมาก็ตาม แต่อีกฝ่ายอาจเข้าใจว่าไปยั่วยุจนจะเกิดความไม่สบายใจขึ้นจากการเป็นอภิสิทธิ์ชนสองมาตรฐาน อาจจะได้ผลลัพธ์ตรงกันข้ามจากความมุ่งหวังจะรื้อฟื้นความยิ่งใหญ่ในความนิยมกลับมาอีก
อย่างไรก็ตาม นายเศรษฐา มีโปรแกรมหลังกลับจากต่างประเทศจะเดินไปเชียงใหม่วันที่ 15 มี.ค. แม้ยังไม่มีการยืนยันชัดเจนว่า จะได้พบทักษิณหรือไม่ แต่ช่วงเวลาไปเชียงใหม่เช่นนี้คงสะท้อนถึงระยะเวลาต้องปฏิบัติตามดีลได้งวดเข้ามาทุกขณะ อีกอย่างดิจิทัลวอลเล็ตจะครบกำหนดศึกษา 30 วันในวันที่ 17 มี.ค.นี้ ดังนั้น เวลากระชันชิดนี้จะต้องไปหารือกันถึงการแจกเงินหมื่นบาทยังจะยืนกรานตามเดิมหรือไม่
"คนดีลไม่ใช่เศรษฐา แต่ถ้าเศรษฐาไม่ปฏิบัติตามดีลแล้ว คนที่ไปดีลย่อมเกิดหายนะเหมือนกัน ยิ่งขณะนี้เวลางวดเข้ามาเต็มทีกับการดีลกันไว้ ผมต้องการให้เบี้ยวดีลกันเลย เพื่อประชาชนจะได้เห็นความจริงต่างๆ" นายจตุพร กล่าว พร้อมระบุว่า หากดีลถูกเบี้ยวแล้ว ยิ่งลักษณ์ จะกลับไทยยากขึ้น เพราะขั้นตอนต่างๆจะไม่ง่ายอีกต่อไป
ส่วน สว.จะอภิปรายทั่วไปในวันที่ 25 มี.ค.นั้น นายจตุพร กล่าวว่า ถ้านายเศรษฐา ไม่ต้องการบาดเจ็บต้องพ้นจากนายกฯ ก่อน 25 มี.ค. แต่วันที่ 3 เม.ย. พรรคฝ่ายค้านจะอภิปรายทั่วไปแบบไม่ลงมติเช่นกันก็จะกระแทกแผลเป็นนายเศรษฐาซ้ำเข้าไปอีก ดังนั้น ในทางการเมืองเมื่อรู้จะพ้นจากนายกฯ อยู่แล้ว นายเศรษฐา จึงไม่มีความจำเป็นต้องบอบช้ำอีก
อีกทั้งเชื่อว่า กำหนดการทางการเมืองในปลาย มี.ค.นี้จึงไม่ใช่เหตุบังเอิญที่นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ ต้องไปให้ปากคำอัยการสูงสุดกรณียื่นยุบพรรคเพื่อไทยที่หาเสียงแก้ไข ม. 112 รวมทั้ง ปปช.ต้องรอคำพิพากษาฉบับเต็มจากศาลฎีกาก่อนขยับอุทธรณ์คดีโรดโชว์ของยิ่งลักษณ์หรือไม่ สิ่งเหล่านี้จ่อเล่นงานพรรคเพื่อไทยได้ทุกขณะ
"ขณะนี้ยังไม่ได้มีเสียงดีลกันไว้ว่า จะให้นายเศรษฐาอยู่ต่อ เพราะมีปัจจัยแปรบ่งชี้ถึงการไม่ได้ใช้งบประมาณ 2567 แล้วโครงการดิจิทัลยังขยับแจกเงินไม่ได้ ซึ่งจะเป็นโครงการที่นำไปกลบเรื่องราวต่างๆ ของเพื่อไทยได้ระดับหนึ่ง แต่ติดปัญหา ปปช.ขวางอยู่ ดังนั้น อุปสรรคเช่นนี้สะท้อนได้ชัดเจนนายกฯ ไม่ได้อยู่ต่อ"
#จตุพรพรหมพันธุ์ #เพื่อไทย #ยิ่งลักษณ์