วันที่ 9 มี.ค.67 นายเทพไท เสนพงศ์ อดีต สส.นครศรีธรรมราช โพสต์ข้อความผ่านเพจเฟซบุ๊ก เทพไท เสนพงศ์-คุยการเมือง ระบุว่า... 

ห่วง “ทักษิณ” บินไปเชียงใหม่ สูดฝุ่น PM2.5 กลับมาป่วยวิกฤตอีก

การที่คุณทักษิณ ชินวัตร ขออนุญาตต่อกรมคุมประพฤติ เพื่อเดินทางไปจังหวัดเชียงใหม่ เป็นสิทธิ์ที่สามารถทำได้ ถึงแม้ว่าจะไม่มีการขออนุญาต ก็ไม่มีใครตรวจสอบอะไรได้ เพราะคุณทักษิณไม่ได้ติดกำไลEM เหมือนผู้พักโทษทั่วไป จึงไม่สามารถควบคุม และจำกัดพื้นที่การอยู่อาศัยของคุณทักษิณได้ จะแอบเดินทางไปไหนมาไหนก็ได้ ยิ่งเป็นการเดินทางโดยเครื่องบินเจ็ทส่วนตัว ยิ่งไม่มีใครรู้ความเคลื่อนไหวของคุณทักษิณด้วยซ้ำไป

แต่สิ่งที่ผมแปลกใจก็คือ คุณทักษิณเป็นผู้ป่วยวิกฤติ ต้องพักรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลตำรวจนานถึง 180 วัน อาการไม่ดีขึ้นเลย แต่เมื่อได้รับสิทธิ์พักโทษ กลับมาอยู่บ้านจันทร์ส่องหล้า ใช้เวลาเพียง 15 วัน อาการป่วยก็หายเป็นปลิดทิ้ง สามารถรับแขกได้ทันที เดินทางไปไหนมาไหนได้เป็นปกติ ซึ่งเรื่องนี้ทำให้สังคมสงสัยในคุณภาพของหมอโรงพยาบาลตำรวจว่า มีประสิทธิภาพและความสามารถในการรักษาผู้ป่วยได้มากน้อยเพียงไร

กรณีคุณทักษิณอาจจะทำให้โรงพยาบาลตำรวจขาดความเชื่อมั่นจากสังคมได้ ถ้าหากหมอหรือโรงพยาบาล ไม่มีประสิทธิภาพเพียงพอในการรักษาพยาบาลผู้ป่วย อยากเสนอให้คณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่าง พรบ.งบประมาณรายจ่าย ประจำปี 2567 ของสภาผู้แทนราษฎร ได้พิจารณาถึงการจัดงบประมาณ ในส่วนของโรงพยาบาลตำรวจด้วย

การที่คุณทักษิณหายป่วยจากการเป็นผู้ป่วยวิกฤติได้ไม่นาน แต่เดินทางไปที่จังหวัดเชียงใหม่ซึ่งเป็นพื้นที่ที่มีค่า PM 2.5 สูงในขั้นวิกฤต ก็เกรงว่า ถ้าหากคุณทักษิณไปสูดอากาศที่มีมลพิษสูง อาจจะทำให้กลับมาเป็นผู้ป่วยวิกฤตอีกครั้งหนึ่งได้ รวมทั้งมีกำหนดการรายละเอียดทั้ง 3 วัน เผยแพร่ผ่านสื่อแล้ว คุณทักษิณต้องเดินทางไปไหว้พระ ไหว้บรรพบุรุษ เดินตลาด แวะร้านกาแฟสถานที่ต่างๆหลายแห่ง นัดเพื่อนร่วมรุ่นมงฟอร์ต กินข้าวสังสรรค์กัน ตารางแน่นเอี๊ยด แทบจะไม่มีเวลาพักผ่อนเลย ซึ่งอาจจะทำให้คุณทักษิณเหนื่อย และอาการป่วยกำเริบขึ้นมาอีกได้

ผมจึงขอแสดงความห่วงใย ในฐานะที่เป็นเพื่อนนักโทษ ซึ่งได้รับการพักโทษเช่นเดียวกัน