เงินบาทสัปดาห์หน้า 35.15-35.70บาท/ดอลลาร์-SET มีสิทธิ์ทะลุ 1400 จุด จับตาทิศทางเงินทุนต่างชาติ

ศูนย์วิจัยกสิกรไทยสรุปความเคลื่อนไหวค่าเงินบาทรอบสัปดาห์ว่า เงินบาทแตะระดับแข็งค่าสุดในรอบ 5 สัปดาห์ โดยเงินบาทปรับตัวแข็งค่าขึ้นตลอดสัปดาห์สอดคล้องกับการเคลื่อนไหวของสกุลเงินอื่นๆ ในภูมิภาค ขณะที่เงินดอลลาร์ฯ เผชิญแรงเทขายอย่างต่อเนื่อง หลังจากที่สุนทรพจน์ต่อสภาคองเกรสของประธานเฟด หนุนโอกาสความเป็นไปได้ที่จะเห็นการเริ่มปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบาย โดยเฉพาะเมื่อเฟดมั่นใจว่า เงินเฟ้อสหรัฐฯ มีแนวโน้มชะลอลงกลับเข้าสู่ระดับเป้าหมาย นอกจากนี้เงินดอลลาร์ฯ และบอนด์ยีลด์สหรัฐฯ ยังมีปัจจัยลบจากตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ อาทิ ข้อมูลการจ้างงานภาคเอกชนเดือนก.พ. ซึ่งเพิ่มขึ้นน้อยกว่าที่ตลาดคาด ขณะที่เงินบาทมีแรงหนุนเพิ่มเติมตามจังหวะการปรับตัวขึ้นของราคาทองคำในตลาดโลก ซึ่งพุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ในระหว่างสัปดาห์

สัปดาห์ระหว่างวันที่ 11-15 มี.ค. 2567 KBank คาดกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทที่ 35.15-35.70 บาทต่อดอลลาร์ฯ ปัจจัยที่ต้องติดตาม ได้แก่ ทิศทางเงินลงทุนต่างชาติ สถานการณ์ราคาทองคำในตลาดโลก การเคลื่อนไหวของสกุลเงินอื่นๆ ในภูมิภาค และข้อมูลเศรษฐกิจต่างประเทศ อาทิ ดัชนีราคาผู้บริโภค ดัชนีราคาผู้ผลิต และตัวเลขยอดค้าปลีกเดือนก.พ. ของสหรัฐฯ ข้อมูลการผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือนม.ค. ของยูโรโซน ตลอดจนตัวเลขการปล่อยกู้ใหม่สกุลเงินหยวนเดือนก.พ.ของจีน

ขณะที่ความเคลื่อนไหวตลาดหุ้นไทยรอบสัปดาห์ หุ้นไทยย่อตัวลงในช่วงต้นสัปดาห์ตามแรงขายต่อเนื่องของกลุ่มนักลงทุนต่างชาติ หลังจบช่วงประกาศผลประกอบการไตรมาส 4/66 ประกอบกับยังไร้ปัจจัยใหม่ๆ เข้ามากระตุ้นตลาด อย่างไรก็ดี หุ้นไทยเริ่มพลิกมาขยับขึ้นตั้งแต่ช่วงกลางสัปดาห์ โดยมีแรงซื้อคืนหุ้นเข้ามาหนุน หลังจากหุ้นไทยปรับตัวลงติดต่อกัน 7 วันทำการ ก่อนจะดีดตัวขึ้นแรงอีกครั้งในช่วงปลายสัปดาห์ตามทิศทางตลาดหุ้นภูมิภาค หลังประธานเฟดส่งสัญญาณว่า เฟดอาจใกล้ที่จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบาย หากเงินเฟ้ออยู่ในระดับที่เหมาะสม แม้จะไม่ได้ให้กรอบเวลาที่ชัดเจนก็ตาม สำหรับสัปดาห์นี้ หุ้นไทยปรับขึ้นถ้วนหน้าโดยเฉพาะช่วงท้ายสัปดาห์ นำโดย หุ้นกลุ่มไฟแนนซ์ซึ่งคาดว่าจะได้รับอานิสงส์จากทิศทางดอกเบี้ยขาลง รวมถึงกลุ่มเทคโนโลยีและกลุ่มพลังงาน

สัปดาห์ที่ 11-15 มี.ค.2567 KSecurities คาดแนวรับที่ 1,375 และ 1,355 จุด ขณะที่แนวต้านอยู่ที่ 1,400 และ 1,415 จุด ตามลำดับ โดยปัจจัยที่ต้องติดตาม ได้แก่ ทิศทางเงินทุนต่างชาติ ดัชนีราคาผู้บริโภค ดัชนีราคาผู้ผลิต และยอดค้าปลีกเดือนก.พ. ของสหรัฐฯ ผลผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือนม.ค. ของยูโรโซนและอังกฤษ ดัชนีราคาผู้ผลิตเดือนก.พ. ของญี่ปุ่น ตลอดจนยอดปล่อยกู้สกุลเงินหยวนเดือนก.พ. ของจีน

 

#ค่าเงินบาท #ดอกเบี้ย #SET