หลังการเกษียณราชการของ “บิ๊กต่อ” พล.อ.เจริญชัย หินเธาว์ ผบ.ทบ. และ “บิ๊กดุง” พล.ร.อ.อะดุง  พันธุ์เอี่ยม ผบ.ทร.  30 กันยายน 2567 นี้ กองทัพก็กำลัง เปลี่ยนผ่านจากยุคของเตรียมทหาร 23 เข้าสู่ยุคของเตรียมทหาร 24

เพราะตอนนี้ ใน ผบ.เหล่าทัพ เป็น ตท.24 ถึง 3 คน คือ “บิ๊กหนุ่ม” พล.อ.สนิธชนก  สังขจันทร์  ปลัดกลาโหม เพื่อนรักของ “บิ๊กอ๊อบ” พล.อ.ทรงวิทย์ หนุนภักดี ผบ.ทหารสูงสุด และ “บิ๊กไก่” พล.อ.อ.พันธ์ภักดี พัฒนกุล  ผบ.ทอ. จึงเป็นรุ่นที่มีพาวเวอร์  โดยเฉพาะ พล.อ.ทรงวิทย์ ที่ใกล้ชิด สนิทสนม เศรษฐา ทวีสิน นายกฯ

โดยมีเพื่อนร่วมรุ่นเตรียมทหาร 24 เป็นแคนดิเดต ผู้บัญชาการทหารบกและผู้บัญชาการทหารเรืออยู่ในไลน์ ที่จะขึ้นจึงทำให้มีโอกาสสูงที่เตรียมทหารรุ่น 24 จะเป็นผู้บัญชาการเหล่าทัพครบทั้งห้า

โดยในส่วนของกองทัพบกก็มีแคนดิเดตเตรียมทหารรุ่น 24 มากถึง 3 คน ทั้ง “ผช.หนุ่ย” พล.อ.ธราพงษ์ มะละคำ ทหารคอแดง เติบโตจาก สายบูรพาพยัคฆ์  สายบู๊

ส่วน “ผช.หยอย” พล.อ.อุกฤษฎ์ บุญตานนท์ เป็น ทหารคอเขียว เคยอยู่ ร.1 รอ. ก่อนมาเติบโตในสาย ยก. กรมยุทธการทหารบก  เป็น สายบุ๋น พล.อ.ธราพงษ์  เกษียณก่อน  คือ ต.ค.2569 ส่วน พล.อ.อุกฤษฎ์ เกษียณ ตค.2570

ทั้งคู่ เป็นแคนดิเดท ผบ.ทบ. ในโยกย้าย ตค.นี้  ชิงกับ “บิ๊กปู” พล.อ.พนา แคล้วปลอดทุกข์ เสธ.ทบ.  สายคอแดง จาก ตท.26  2 ผู้ช่วย ผบ.ทบ. หากใครพลาด ก็อาจไปจ่อ เป็น ปลัดกลาโหม หรือ ผบ.ทหารสูงสุด

แต่ ตท.24 ยังมี “บิ๊กต้น” พล.อ.ณัฐวุฒิ นาคะนคร ที่ปรึกษาพิเศษทบ. ที่เป็น ทหารรบพิเศษที่ผ่านมาทุกตำแหน่ง ในไลน์หมวกแดง จนเป็น ผบ.นสศ. แต่ไม่ได้ เข้า5 เสือทบ. แต่เป็น พลเอก ที่ปรึกษาพิเศษทบ.

พล.อ.ณัฐวุฒิ ถือ เป็นแคนดิเดท ผบ.ทบ. อีกคน  จาก ตท.24 จากสายหมวกแดง แถม ยังฟิต และเป๊ะ สไตล์ทหารรบพิเศษ  ไม่ใช่ สายคอแดง แต่ เป็นหมวกแดง

สายรบพิเศษ ว่างเว้นจาก การเป็น ผบ.ทบ. มาหลายปี คนล่าสุด คือ “บิ๊กเจี๊ยบ” พล.อ.เฉลิมชัย สิทธิสาท องคมนตรี  ที่ขึ้นจาก ผบ.นสศ. เป็น ผช.ผบ.ทบ. และขึ้นนั่ง ผบ.ทบ. 2 ปี

ก่อนหน้านั้น “บิ๊กแอ้ด” พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์  ประธานองคมนตรี  ที่ขึ้นจาก ผบ.นสศ. เป็น แม่ทัพภาค 2 และ ผู้ทรงคุณวุฒิพิเศษ ทบ. ขึ้น เป็น ผบ.ทบ. คนแรก ที่มาจาก ผู้ทรงคุณวุฒิพิเศษ แถม อายุราชการ ในเวลานั้น เหลืออีกถึง 5 ปี แต่ปัจจุบัน ไม่มี บ้านสี่เสาฯ แล้ว ส่วน พล.อ. สุรยุทธ์ ก็ไม่ยุ่งเกี่ยว

ดังนั้น จึงต้องรอดูพลังของ ตท.24 ที่มีถึง 3 แคนดิเดท จะสามารถยึดเก้าอี้ ผบ.ทบ. ได้หรือไม่  เพราะ ก็มีคู่แข่งที่มาแรงอย่าง “บิ๊กปู” พล.อ.พนา แคล้วปลอดทุกข์ เสนาธิการทหารบก รุ่นน้องเตรียมทหาร 26 ที่มีกระแสข่าวมาตลอดว่ามีสัญญาณที่จะให้ขึ้นเป็นผู้บัญชาการทหารบกคนต่อไป

แต่อย่างไรก็ตาม หลังจากผิดโผโดยในการแต่งตั้งโยกย้ายเมื่อตุลาคม 2566 ที่ผ่านมา จากที่ พล.อ.พนา ที่ขึ้นจากแม่ทัพภาค 1 จะขึ้นเป็นผู้ช่วยผู้บัญชาการทหารบก แต่ก็กลับต้องมาเป็นเสนาธิการทหารบก จนมีกระแสข่าวหรือว่าสัญญาณเปลี่ยน

ขณะที่กองทัพเรือมี “เสธ.น้อย” พล.ร.อ.วรวุธ พฤกษารุ่งเรือง เสนาธิการทหารเรือ เตรียมทหาร 24 เป็นตัวเต็งผบ. ทร.คนใหม่ในโยกย้ายกันยายน 2567 นี้ เพราะเป็นที่รู้กันดีว่า พล.ร.อ.อะดุง ก็ใช้งาน และมอบหมายงานสำคัญต่างๆให้รับผิดชอบอาจด้วยเพราะเป็นเสนาธิการทหารเรือด้วยนั่นเอง

ที่สำคัญ พล.ร.อ.วรวุธ ได้รับการสนับสนุนจาก “บิ๊กเฒ่า” พล.ร.อ. สมประสงค์ นิลสมัย อดีตผู้บัญชาการทหารเรือรุ่นพี่ ตท. 20 ซึ่งถือเป็นผู้มีพระคุณของ พล.ร.อ.อะดุง ที่เป็นผู้สนับสนุนหลักทำให้ได้ขึ้นมาเป็นผู้บัญชาการทหารเรือ ในโยกย้ายตุลาคมที่ผ่านมา เพราะ พล.ร.อ.สมประสงค์ เป็นคนที่สนับสนุนให้ “บิ๊กจ็อด” พล.ร.อ.เชิงชาย ชมเชิงแพทย์ ได้กลับสู่ ไลร์ ขึ้นเป็นผู้บัญชาการทหารเรือ แล้ว พล.ร.อ.เชิงชาย ก็มาเสนอชื่อ พล.อ.อะดุง ขึ้นเป็นผู้บัญชาการทหารเรือคนใหม่อีกทอดหนึ่ง

            พล.ร.อ.วรวุธ เคยทำงานใกล้ชิด พล.ร.อ.สมประสงค์ เมื่อครั้งเป็นทีมฝ่ายเสนาธิการของ “บิ๊กห้าว” พล.ร.อ.ธีระ ห้าวเจริญ อดีตผู้บัญชาการทหารเรือและอดีตรัฐมนตรีคมนาคม ในรัฐบาลขิงแก่ และมีการดูแลหนุนเนื่องกันมาจนทำให้ พล.อ.วรวุธ ได้กลับเข้าสู่ไลน์ มาเป็นหัวหน้าคณะนายทหารฝ่ายเสนาธิการประจำผู้บัญชาการทหารเรือในยุคของ พล.ร.อ.เชิงชาย และได้ขยับขึ้นเสนาธิการทหารเรือในโยกย้ายตุลาคม ก่อนที่ พล.ร.อ. เชิงชาย จะเกษียณราชการนั่นเอง

แต่เป็นที่รู้กันในกองทัพเรือว่าหากให้ พล.ร.อ.อะดุง ตัดสินใจเองเพียงลำพัง ก็อยากสนับสนุนเพื่อนร่วมรุ่นเตรียมฐาน 23 อย่าง “บิ๊กโอ๋” พล.ร.อ.ชลธิศ นาวานุเคราะห์ ผู้ช่วยผู้บัญชาการทหารเรือ ขึ้นเป็นผู้บัญชาการทหารเรือคนต่อไป เนื่องจาก พล.ร.อ.ชลธิศ เคยเป็นแคนดิเดตผู้บัญชาการทหารเรือ ในโยกย้ายตุลาคม 2566 ที่ผ่านมา แต่ก็หลบทางให้ พล.ร.อ.อะดุง

ดังนั้นในปีสุดท้ายของ พล.ร.อ.ชลธิศ จึงทำให้ พล.ร.อ.อะดุง อาจต้องการให้เพื่อนร่วมรุ่นคนสุดท้ายคนนี้ ขึ้นเป็นผู้บัญชาการทหารเรือ

ขณะที่แคนดิเดตอีกคนหนึ่งที่ไม่อาจมองข้ามคือ “รองวิน” พล.ร.อ.สุวิน แจ้งยอดสุข รองผู้บัญชาการทหารเรือ ที่ถือว่ามีอาวุโสสูงสุดในบรรดาแคนดิเดตทั้งหมดต่อเนื่องเป็นปี 2 หลังจากเป็นแคนดิเดตชิงเก้าอี้ผู้บัญชาการทหารเรือมาแล้วถึง 2 ครั้ง แต่ก็ได้แต่ต่อคิวรอจนปีนี้เป็นปีสุดท้ายเนื่องจากจะเกษียณอายุราชการตุลาคม 2568 พร้อมกันทั้ง พล.ร.อ.วรวุธ และ พล.ร.อ.ชลธิศ แม้จะเป็น ต่างรุ่น 23 24 25 แต่อายุเท่ากันดังนั้นเรื่องเรื่องรุ่นจึงไม่เป็นอุปสรรคในการขึ้นตำแหน่งผู้บัญชาการเหล่าทัพ

แต่อย่างไรก็ตาม ในการแต่งตั้งโยกย้ายกลางปีเมษายน ที่มีการประชุมคณะกรรมการแต่งตั้งโยกย้ายนายทหารชั้นนายพลหรือบอร์ด 6 เสือกลาโหม ไปเมื่อวันที่ 4 มีนาคมนั้น  ยังไม่มีการปรับใหญ่ แต่เป็นการรองรับ นายพล ที่จะเกษียณ ราชการ