“ภูมิธรรม” บอกเป็นเรื่องธรรมดา 'ทักษิณ' ขอไปเยือนเชียงใหม่ไหว้บรรพบุรุษ ระบุเป็นสิทธิของอดีตนายกฯ หลังจากบ้านไป 17 ปี อย่าคิดเป็นประเด็นการเมือง มันปวดหัว ด้าน“จุรินทร์”มั่นใจ ฝ่ายค้านชี้ปัญหารัฐบาลผ่านการซักฟอกได้  ขณะที่’ธนกร‘มั่นใจรัฐบาลแจงยื่นซักฟอกสบาย 

ที่รัฐสภา เมื่อวันที่ 7 มี.ค.67 นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรมว.พาณิชย์ ในฐานะแกนนำพรรคเพื่อไทย(พท.)  ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่มีกระแสข่าวว่า นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี จะขออนุญาตเดินทางออกนอกพื้นที่กรุงเทพฯ ไปจ.เชียงใหม่ ทราบเรื่องนี้หรือไม่ โดยนายภูมิธรรมย้อนถามผู้สื่อข่าวว่า "ตกลงท่านจะออกจากกรุงเทพฯ ไปเชียงใหม่หรือ ไปทำอะไร" ผู้สื่อข่าวตอบว่า นายทักษิณอยากกลับไปเชียงใหม่เพื่อไหว้บรรพบุรุษ นายภูมิธรรม กล่าวกับผู้สื่อข่าวอีกครั้งว่า "อ๋อ ก็น่าเห็นใจ หากเป็นเช่นนั้นจริงๆ ก็เป็นธรรมชาติของมนุษย์ที่จากบ้านไป 17 ปี กลับบ้านมาก็คิดถึงพ่อแม่ แล้วจะทำอะไรได้ดีไปกว่าการกลับไปเยี่ยมหลุมบรรพบุรุษ หากถามว่าท่านอยากไปหรือไม่ ก็อยากไป และถ้าไปจริง เรื่องแค่นี้ไม่มีปัญหาหรอก ผมคิดว่าเป็นสิทธิของมนุษย์คนหนึ่งที่อยากใช้เวลากลับไปเยี่ยมบ้านเท่านั้นเอง อย่าไปคิดอะไรเยอะ"


ผู้สื่อข่าวถามว่า การที่นายทักษิณกลับบ้านอาจเป็นปรากฏการณ์ที่คนรักทักษิณจะไปรอต้อนรับ มองว่าจะกลายเป็นประเด็นทางการเมืองหรือไม่ นายภูมิธรรม กล่าวว่า เรายังไม่ทราบว่าจะเกิดจริงหรือไม่ แต่หากท่านกลับไปบ้านเกิด ก็เป็นธรรมดาที่คนยังรักจะไปต้อนรับ หากมีคนเกลียดเขาก็ไม่อยากมาเป็นเรื่องธรรมดา และขอให้คิดเป็นแค่เรื่องธรรมดา อย่าคิดเป็นเรื่องทางการเมือง


เมื่อถามย้ำว่า อาจเกิดการเปรียบเทียบทางการเมืองกับ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรมว.คลัง นายภูมิธรรม กล่าวว่า อย่าไปคิดไกลขนาดนั้น มันปวดหัว ขอให้ดูความเป็นจริง มนุษย์คนหนึ่งอยากกลับไปเยี่ยมบ้านแล้วเผอิญมีคนรักเขามาเยี่ยม ก็เท่านั้นเอง ย้ำว่าขอให้มองเป็นเรื่องธรรมดา อย่ามองไกลไป คิดเยอะเกินไป มันผิดธรรมชาติของมนุษย์  แล้วแต่คนจะคิด ตนคิดว่าเราพูดไปโดยมีเจตนาบริสุทธิ์ ทำหน้าที่แบบที่มนุษย์คนหนึ่งทำ ก็เป็นธรรมดา และคิดว่าประชาชนมีวิจารณญาณ ขอให้ลองคิดดูว่า คนๆ หนึ่งจากบ้านไปนานถึง 17 ปี แล้วกลับมาอยู่บ้าน รักษาตัวเรียบร้อย พอจะเดินทางไปไหนได้ สิ่งแรกนึกถึงก็คือการกลับไปเยี่ยมพ่อแม่ ตนคิดว่าการที่คิดถึงสิ่งที่ตนเองเคารพรักและจากการไปนาน ก็เป็นเรื่องธรรมดา อย่าคิดไปเรื่องอื่น


ขณะที่ นายสุทิน คลังแสง รมว.กลาโหม ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีมีการปูทางให้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกฯ กลับไทย ว่า ไม่รู้ ยังไม่ใช่ คนเริ่มสร้างประเด็น ยังไม่รู้ประเด็นมันมาหลายทาง บางครั้งมีคนกุขึ้นมาก็ได้ ถ้ามาเองก็ต้องฟังจากปากท่าน เมื่อถามว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ยังคงไม่กลับใช่หรือไม่ หรือเวลายังไม่ได้ นายสุทิน กล่าวว่า ยังไม่รู้ เพราะยังไม่เคยคุยกับท่าน เดาใจท่านไม่ออก ท่านอาจจะอยากมาหรือไม่อยากมา ถ้าเจอท่านเดี๋ยวจะถามดู


ผู้สื่อข่าวต่อว่า อยากให้ น.ส.ยิ่งลักษณ์กลับมาหรือไม่ นายสุทิน กล่าวว่า ตามใจท่าน คนไทยทุกคน เราก็รู้ว่าทุกคนอยากกลับบ้านทั้งนั้น เราเป็นชาวพุทธ ก็ไม่อยากให้ใครเป็นทุกข์ อยากให้พี่น้องทุกคนมีความสุข ก็เหมือนที่นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯ และรมว.มหาดไทย พูดไว้


ด้าน นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) กล่าวถึงกรณีมติพรรคร่วมฝ่ายค้าน จะเสนอญัตติขอเปิดอภิปรายทั่วไปแบบไม่ลงมติ ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 152 ว่า ตนมั่นใจจะเป็นประโยชน์ต่อรัฐบาล อย่างน้อยเป็นการสะท้อนปัญหาและไขนอตการทำงานของรัฐบาลที่ทำหน้าที่บกพร่อง ในการบริหารราชการแผ่นดิน และมั่นใจว่า ฝ่ายค้านจะสะท้อนปัญหาได้ดี ทั้งนี้ ฝ่ายค้านยังไม่ได้ลงรายละเอียดว่า จะอภิปรายหัวข้ออะไรบ้าง


ผู้สื่อข่าวถามว่า จะอภิปรายถึงการทำหน้าที่ของกรมราชทัณฑ์ กระทรวงยุติธรรม หรือไม่ นายจุรินทร์ กล่าวว่า สามารถพูดได้ เพราะเกี่ยวข้องกับการบริหารราชการแผ่นดินของรัฐบาล ความไม่ยุติธรรม สองมาตรฐานเกิดขึ้นจากรัฐบาล ถ้ารัฐบาลไม่รู้เห็น ไม่ยอมให้เกิดขึ้น สิ่งเหล่านี้ก็จะเกิดขึ้นไม่ได้ เพราะฉะนั้นอภิปรายได้ ถ้ามี สส.หยิบยกขึ้นมา  นายธนกร วังบุญคงชนะ ส.ส.บัญชีรายชื่อ และรองหัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) กล่าวถึงกรณีฝ่ายค้านมีมติยื่นญัตติขอเปิดอภิปรายทั่วไปแบบไม่ลงมติตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 152 เพื่อซักถามการทำงานของรัฐบาล ว่า ตนมั่นใจรัฐบาลพร้อมชี้แจงและตอบทุกคำถามของฝ่ายค้าน และถือเป็นโอกาสที่จะอธิบายการทำงานของรัฐบาลให้กับประชาชนได้เข้าใจ


ผู้สื่อข่าวถามว่า 6 เดือนของการทำงานรัฐบาล มองว่าเร็วไปหรือไม่ ที่ถูกอภิปรายนายธนกร กล่าวว่า ถือเป็นการใช้เวทีสภาซักถามการทำงานตามขั้นตอนถือเป็นความชอบธรรมตามกลไกรัฐสภา แม้ว่ารัฐบาลจะเพิ่งเริ่มเดินหน้าทำงานเข้าสู่เดือนที่ 6 ที่สำคัญร่างพระราชบัญญัติ(พ.ร.บ.)งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 ยังไม่ผ่านวาระ 2-3 ยังไม่ได้ใช้งบฯและยังไม่มีข้อมูลการทุจริตเรื่องการใช้งบประมาณของรัฐบาลออกมา


“ฝ่ายค้านสามารถยื่นอภิปรายรัฐบาลได้ทุกเมื่อ หากเห็นว่ามีความบกพร่อง แต่ผมมองว่าร่างพ.ร.บ.งบฯ ยังไม่ผ่านสภา รัฐบาลจึงยังไม่ได้ใช้งบประมาณ จึงคิดว่าฝ่ายค้านคงยังไม่มีข้อมูลหลักฐานเรื่องการทุจริต จึงขอให้ใช้เวทีสภาในการอภิปรายทั่วไปในครั้งนี้อย่างสร้างสรรค์ หวังว่าจะไม่ใช้โอกาสนี้ สร้างวาทกรรมเพื่อโจมตีทางการเมืองเช่นเดิม“ นายธนกร กล่าว