“นายกฯ”ห่วงปัญหาไฟป่าภาคเหนือ สั่งตรงทุกภาคส่วนระดมกำลังดับไฟป่า สกัดเหตุไฟไหม้ลุกลาม เตือนประชาชนระวังฝุ่น PM 2.5 ยันเสร็จภารกิจเยือนยุโรปจะลงพื้นที่ด้วยตนเอง 16 มี.ค. ด้าน”ปภ.”แจ้ง 38 จว.เหนือ อีสาน กลาง และกทม. เฝ้าระวังพายุฤดูร้อนช่วง 8-10 มี.ค.
เมื่อวันที่ 7 มี.ค.67 น.ส.นัทรียา ทวีวงศ์ รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ฝ่ายบริหาร เปิดเผยว่า นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรมว.คลัง ติดตามสถานการณ์ไฟป่าในพื้นที่ภาคเหนืออย่างเป็นห่วง เพราะส่งผลกระทบวงกว้าง หมอกควันอุปสรรคการสัญจร ทั้งทางบก และอากาศ พื้นที่ป่า และที่สำคัญฝุ่น PM 2.5 ที่เพิ่มสูงขึ้นจากการเผาไหม้ส่งผลกระทบต่อสุขภาพประชาชน นายกรัฐมนตรีจึงสั่งการเข้มให้ทุกหน่วยงานทั้งพลเรือน และกองทัพ ระดมสรรพกำลังร่วมกันดับไฟป่า ตรึงกำลังป้องกันแนวไฟลุกลามอย่างเข้มข้น ขอให้ประชาชนป้องกันฝุ่นพิษ PM 2.5 ไม่อยู่ในพื้นที่กลางแจ้ง สวมหน้ากากอนามัย และหากมีอาการระบบหายใจรีบพบแพทย์ ซึ่งได้สั่งสาธารณสุขให้บริการประชาชนอย่างทั่วถึง
โดยในวันที่ 16 มี.ค.นี้ ทันทีหลังกลับจากภารกิจการเยือนยุโรปตามคำเชิญของรัฐบาลฝรั่งเศสและเยอรมนี (Official Visit) นายกรัฐมนตรีจะลงติดตามสถานการณ์ และการแก้ปัญหาด้วยตนเองร่วมกับภาคส่วนที่ปฏิบัติการดูแลการป้องกันและดับไฟด้วย
ด้าน กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) โดยสำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ (องค์การมหาชน) หรือ GISTDA เปิดเผยข้อมูลจากดาวเทียมซูโอมิ เอ็นพีพี (Suomi NPP) และจากดาวเทียมอีกหลายดวง เมื่อวันที่ 6 มี.ค. ไทยพบจุดความร้อนทั้งประเทศ 3,013 จุด ข้อมูลจากดาวเทียมยังระบุอีกว่าจุดความร้อนที่พบส่วนใหญ่เกิดขึ้นในพื้นที่ป่าอนุรักษ์ 1,291 จุด ตามด้วยพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ 964 จุด พื้นที่เกษตร 309 จุด พื้นที่แหล่งชุมชนและอื่นๆ 226 จุด เขต สปก. 205 จุด และพื้นที่ริมทางหลวง 18 จุด สำหรับจังหวัดที่พบจำนวนจุดความร้อนสูงสุด ได้แก่ ลำปาง 354 จุด แม่ฮ่องสอน 343 จุด และเชียงใหม่ 329 จุด ขณะที่ประเทศเพื่อนบ้านพบจุดความร้อนมากสุดอยู่ที่พม่า 6,332 จุด ตามด้วย ลาว 2,710 จุด เวียดนาม 1,143 จุด และกัมพูชา 1,091 จุด
อย่างไรก็ตาม รายละเอียดข้อมูลเฉพาะพื้นที่ท่านสามารถติดตามจากหน่วยงานหลักที่รับผิดชอบโดยตรง GISTDA ยังคงติดตามและรายงานสถานการณ์อย่างต่อเนื่อง เพื่อเป็นข้อมูลให้กับทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้นำไปใช้บริหารจัดการในพื้นที่
วันเดียวกัน กองอำนวยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยกลาง (กอปภ.ก.) ได้ติดตามสภาวะอากาศและพิจารณาปัจจัยเสี่ยง ประกอบกับกรมอุตุนิยมวิทยาได้มีประกาศฉบับที่ 1 (52/2567) แจ้งว่า บริเวณความกดอากาศสูงจากสาธารณรัฐประชาชนจีนจะแผ่ลงมาปกคลุม ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ประกอบกับมีลมใต้และลมตะวันออกเฉียงใต้พัดนำความขึ้นจากอ่าวไทยและทะเลจีนใต้เข้ามาปกคลุมประเทศไทยตอนบน ในขณะที่ประเทศไทยตอนบนมีอากาศร้อนถึงร้อนจัดหลายพื้นที่ ทำให้ภาคเหนือตอนล่าง ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง รวมทั้งกรุงเทพมหานครและปริมณฑล จะมีพายุฤดูร้อนโดยมีพื้นที่เฝ้าระวังสถานการณ์พายุฝนฟ้าคะนองและลมกระโชกแรง ระหว่างวันที่ 8-10 มี.ค.
แยกเป็น ภาคเหนือ 10 จังหวัด ได้แก่ น่าน อุตรดิตถ์ ตาก สุโขทัย กำแพงเพชร พิษณุโลก พิจิตร เพชรบูรณ์ นครสวรรค์ และอุทัยธานี ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 5 จังหวัด ได้แก่ เลย หนองบัวลำภู ชัยภูมิ นครราชสีมา และบุรีรัมย์ ภาคกลาง 23 จังหวัด และกรุงเทพมหานคร ได้แก่ กาญจนบุรี ราชบุรี สุพรรณบุรี ชัยนาท สิงห์บุรี อ่างทอง พระนครศรีอยุธยา ลพบุรี สระบุรี นครนายก ปราจีนบุรี สระแก้ว ฉะเชิงเทรา ชลบุรี ระยอง จันทบุรี ตราด ปทุมธานี นนทบุรี นครปฐม สมุทรสาคร สมุทรสงคราม และสมุทรปราการ
กอปภ.ก โดยกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) จึงได้ประสานแจ้ง 38 จังหวัดในภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง และกรุงเทพมหานคร รวมถึงศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเขตในพื้นที่เสี่ยงภัยให้เฝ้าระวังและเตรียมพร้อมรับมือสถานการณ์ภัยในช่วงดังกล่าว โดยติดตามสภาพอากาศ และแนวโน้มสถานการณ์ภัยอย่างใกล้ชิด และประสานองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นแจ้งเตือนประชาชนในพื้นที่เสี่ยงภัยทราบล่วงหน้า รวมถึงจัดเตรียมเครื่องมือเครื่องจักรกลสาธารณภัยและทีมปฏิบัติการเข้าประจำพื้นที่เสี่ยงให้พร้อมเผชิญเหตุและช่วยเหลือประชาชนในพื้นที่ทันที
ทั้งนี้ ขอให้ประชาชนติดตามพยากรณ์อากาศและข้อมูลข่าวสารจากทางราชการอย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะผู้ที่อยู่ในพื้นที่เสี่ยงภัยให้ปฏิบัติตามคำเตือนอย่างเคร่งครัด ตลอดจนตรวจสอบบ้านเรือนและสิ่งปลูกสร้างให้อยู่ในสภาพมั่นคงแข็งแรง หลีกเลี่ยงการอยู่ในที่โล่งแจ้งใต้ต้นไม้ใหญ่ ป้ายโฆษณา หรือสิ่งปลูกสร้างที่ไม่มั่นคงแข็งแรง เพื่อป้องกันอันตรายจากการถูกล้มทับ รวมถึงระวังอันตรายจากฟ้าผ่า ส่วนเกษตรกรให้จัดทำที่ค้ำยันต้นไม้หรือที่กำบัง เพื่อป้องกันพืชผลทางการเกษตรได้รับความเสียหาย
อย่างไรก็ตาม ประชาชนสามารถติดตามประกาศการแจ้งเตือนภัยที่แอปพลิเคชัน "THAI DISASTER ALERT" และหากได้รับความเดือดร้อนจากสาธารณภัยสามารถแจ้งเหตุและขอความช่วยเหลือทางไลน์ "ปภ.รับแจ้งเหตุ1784" โดยเพิ่มเพื่อน Line ID @1784DDPM รวมถึงสายด่วนนิรภัย1784 ตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อประสานให้การช่วยเหลือต่อไป