วันที่ 7 มี.ค.2567 เวลา 10.40 น. ที่รัฐสภา มีการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ที่มีนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทน ราษฎร ทำหน้าที่ประธานการประชุม ทั้งนี้ที่ประชุมได้พิจารณากระทู้ถามสดของนายอภิชาติ ศิริสุนทร สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ในฐานะประธานกรรมาธิการที่ดิน สภาผู้แทนราษฎร เรื่องปัญหาส.ป.ก.4-01ที่อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ ต.หมูสี อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา ถาม ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รมว.เกษตรและสหกรณ์ว่า มีหลายประเด็นไม่คลี่คลายในการออกพื้นที่สปก.ทับซ้อนพื้นที่อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ เพราะต่างฝ่ายต่างถือแผนที่และอ้างกฎหมายคนละฉบับ ล่าสุดร.อ.ธรรมนัส แถลงว่า กรมแผนที่ทหารทำหนังสือถึงนายกรัฐมนตรีรายงานผลแนวเขตพื้นที่ทับซ้อนสปก.กับอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ว่า พื้นที่ออกสปก.ไม่ทับซ้อน อยู่นอกแนวเขตอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ จึงอยากถามว่าสถานะกฎหมายรายงานผลการตรวจสอบกรมแผนที่ทหารมีสถานะอย่างไร นำมาใช้ตัดสินข้อพิพาทแนวเขตขัดแย้งได้หรือไม่ หรือเป็นแค่ความเห็นกรมแผนที่ทหารเท่านั้น รมว.เกษตรฯเคยได้รับการแจ้งเตือนจากส.ป.ก.นครราชสีมาหรือไม่ว่า กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเคยคัดค้านการปักหมุดส.ป.ก.พื้นที่เขาใหญ่ รวมถึงมีพื้นที่สุ่มเสี่ยงเป็นพื้นที่ทับซ้อนระหว่างหน่วยงานที่อาจเกิดปัญหาอีกกี่แห่ง
ร.อ.ธรรมนัส ชี้แจงว่า ปัญหาพื้นที่สปก.ไม่ได้มีเฉพาะจ.นครราชสีมา แต่เกิดขึ้นทั่วประเทศ เพราะหน่วยงานรัฐแต่ละหน่วย อ้างแผนที่และกฎหมายตัวเอง ไม่มีใครผิด ขั้นตอนที่กรมแผนที่ทหารมีผลสรุปว่า พื้นที่สปก.ดังกล่าวอยู่ในเขตปฏิรูปที่ดิน ยังไม่ถือว่ามีผลบังคับใช้ทางกฎหมาย เป็นแค่ขั้นตอนให้ส.ป.ก.และกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติฯหยุดทะเลาะกัน แต่การจะให้เรื่องจบ จะต้องเข้าสู่ขั้นตอนการจัดทำแผนที่ให้เป็นมาตรฐานหนึ่งเดียวของประเทศ เป็นที่ยอมรับ ใช้กับทุกหน่วยงาน ที่เรียกว่าวันแมป ให้มีรมว.กลาโหม เป็นกรรมการกลางทำแผนที่ดังกล่าว ขณะนี้จึงต้องตั้งคณะกรรมการวันแมปเดินหน้าทำแผนที่ต่อ รมว.กลาโหมบอกว่า ขอเวลาอีก 2เดือนดำเนินการแก้ปัญหาแนวเขตอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ ล่าสุดวันที่ 6 มี.ค. ทั้ง 2หน่วยงานได้ทำบันทึกข้อตกลงความร่วมมือกันว่า ประเด็นแนวเขตอุทยานเขาใหญ่ ให้นำเข้าสู่การพิจารณาของคณะกรรมการปรับปรุงแผนที่แนวเขตที่ดินของรัฐแบบบูรณาการ มาตราส่วน 1 ต่อ 4,000 (วันแมป) แล้วนำเข้าครม. เมื่อได้ข้อยุติทั้ง 2หน่วยงานค่อยมาเจรจากัน ระหว่างนี้ให้ต่างฝ่ายถอยคนละก้าว รอแผนที่วันแมป
ร.อ.ธรรมนัสกล่าวว่า ในส่วนของตน ได้สั่งเพิกถอนส.ป.ก.4-01 เขาใหญ่ที่ออกไป 5 ฉบับ ห้ามเข้าพื้นที่ส่วนนี้ พร้อมตั้งคณะกรรมการสอบสวน และย้ายข้าราชการส.ป.ก. 6นายที่มีส่วนเกี่ยวข้อง เพราะได้ข้อมูลว่า อาจมีการออกเอกสารสิทธิส.ป.ก.4-01โดยมิชอบ ให้ไปไปแจ้งความเอาผิดเจ้าหน้าที่ ถ้าสาวถึงใคร ไม่มีจบแบบหล่อ เอาผิดทั้งอาญาและวินัย และจะให้ปปง.เข้ามาร่วมยึดทรัพย์สินผู้เกี่ยวข้องคืนสู่แผ่นดิน ยืนยันส่วนตัวไม่เคยได้รับรายงานจากส.ป.ก.นครราชสีมา เรื่องการถูกคัดค้านการปักหมุดส.ป.ก.ในอุทยานเขาใหญ่ เพราะการปักหมุดเกิดก่อนตนเป็นรมว.เกษตรและสหกรณ์ แต่เมื่อทราบเรื่องจึงสั่งย้ายเจ้าหน้าที่ ถือว่ามีพิรุธ ตนไม่ได้นิ่งเฉย
ช่วงที่เกิดประเด็นขึ้นมาอยู่จ.บุรีรัมย์ รีบบินมายังจ.นครราชสีมา แก้ปัญหา ไม่มีเจตนารังแกข้าราชการกระทรวงใด ตนไม่มีข้อพิพาทระหว่าง 2กระทรวงตามที่เป็นข่าว ระหว่างนี้มอบให้เจ้าหน้าที่ลงพื้นที่ภาคสนามไปตรวจสอบ1.7 ล้านครอบครัวของส.ป.ก.ที่จะได้รับการออกโฉนดเพื่อดูว่าเป็นเกษตรผู้ยากไร้ตัวจริง และสั่งการเป็นนโยบายชัดเจนว่า พื้นที่ทับซ้อนระหว่างหน่วยงาน ห้ามจัดให้เกษตรกรทำกินเด็ดขาด ปัญหาเรื่องช้างยังแก้ไม่ได้ แต่ไปจัดที่ดินให้ประชาชนทำกินติดอุทยานเขาใหญ่ จิตสำนึกมีหรือไม่ว่า ไม่ควรทำ
“ตามจิตสำนึกไม่ควรจัดที่ดินให้ ต้องลงโทษคนพวกนี้ คนจัญไรมีเยอะ ข้าราชการชั่วๆต้องถูกลงโทษ ในยุคผมต้องไม่มี ยุคผมไม่มีจบแบบหล่อๆ ไม่เขาก็เราต้องผิด เมื่อเราผิดต้องลงโทษทั้งวินัย อาญา ไม่ให้เป็นเยี่ยงอย่าง หนักกว่านั้นจะเอาปปง.มาตรวจสอบเส้นทางการเงิน เจ้าของรีสอร์ตให้เตรียมตัวไว้เลยว่า สิ่งที่สร้างมาตลอดชีวิตจะเหลือศูนย์ ติดลบ หรือติดคุก ผมไม่เว้น ไม่สนใจหน้าอินทร์หน้าพรหมเป็นเจ้าสัวหรือไม่ จะเอาคืนเพราะเป็นที่ดินของรัฐ ต้องไปมอบให้เจ้าของประเทศคือประชาชนได้ใช้สิทธิทำกิน” ร.อ.ธรรมนัสกล่าว