วันที่ 6 มี.ค.67 นายจตุพร พรหมพันธุ์ วิทยากรคณะหลอมรวมประชาชน โพสต์เฟซบุ๊ก "Jatuporn Prompan - จตุพร พรหมพันธุ์" ระบุว่า...

จตุพร พลิกตำราคนคุกคาดหลังสงกรานต์ไปเป็นเวลาดีที่ “ยิ่งลักษณ์”จะกลับบ้านตามช่องทาง “ใช้บ้านขังแทนคุก” แล้วอาศัยโมเดลทักษิณกรุยทางไว้ไปขออภัยโทษเฉพาะรายจาก 5 ปีเหลือหนึ่งปี แล้วตามด้วยอภัยโทษใหญ่วันเฉลิมพระชนมพรรษาอีกครั้ง ย่อมได้พักโทษจนหมดโทษ ชี้ถ้ากลับหลัง 22 ส.ค.ไม่ได้ประโยชน์จากการขออภัยโทษ

เมื่อ 5 มี.ค. 2567 นายจตุพร พรหมพันธุ์ วิทยากรคณะหลอมรวมประชาชน เฟซบุ๊คไลฟ์ โดยคาดว่า โอกาสที่ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร จะกลับไทยจะอยู่ช่วงหลังสงกรานต์เป็นต้นไป เพราะต้องอาศัยประโยชน์จากการขอพระราชทานอภัยโทษเฉพาะรายและทั่วไปในวันเฉลิมพระชนมพรรษาเดือนกรกฎาคมนี้ ดังนั้น การประเมินจะกลับหลัง 22 ส.ค.นี้ย่อมไม่ได้ประโยชน์จากการขออภัยโทษด้วย

อีกทั้งประเมินว่า หลังศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองยกฟ้องคดีโรดโชว์ 240 ล้านบาท ถ้ายิ่งลักษณ์ มาหลัง 22 ส.ค.นี้ จะไม่ได้ประโยชน์อภัยโทษทั่วไปในวันเฉลิมพระชนมพรรษาเดือน ก.ค.นี้

ดังนั้น ยิ่งลักษณ์ ยังมีโทษจำคุกในคดีจำนำข้าวอีก 5 ปี จึงควรแต่งตัวเพื่อขอพระราชทานอภัยโทษเฉพาะรายก่อนตามแบบฉบับทักษิณ ชินวัตร ผู้เป็นพี่ชาย โดยอาจได้รับลดโทษเหลือหนึ่งปีเช่นกัน จากนั้นจึงใช้ช่องทางมีโทษต่ำปีเข้าหลักอภัยโทษทั่วไปเพื่อจะได้รับการปล่อยตัวทันที

"ขณะนี้ขึ้นอยู่กับเกมที่ตกลงดีลกันคืออย่างไร และต้องดูจุดเปลี่ยนรัฐบาลด้วย แล้วต้องติดตามการแถลงผลงานรัฐบาลหลังนายเศรษฐา ทวีสิน นายกฯ กลับจากต่างประเทศ และติดตามโครงการดิจิทัลวอลเล็ตจะเข้า ครม.วันไหน เพราะทุกอย่างสัมพันธ์กันกับการอยู่หรือไปของนายเศรษฐา เพราะถ้าทั้งหมดนี้คือ ดีลที่ตกลงกันไว้"

รวมทั้งกล่าวถึงการบริหารงานของนายเศรษฐาว่า เป็นนายกฯ ที่ชอบลวงลูกสั่งงานข้าราชการกระทรวงอื่นอยู่เรื่อย ซึ่งทำให้ปลัดกระทรวงและรัฐมนตรีไม่มีความหมายใดในสายตาข้าราชการ แม้หลายคนชอบการสั่งการของนายกฯ ที่ถึงลูกถึงคน แต่หลักการบริหารบ้านเมืองนั้น เป็นเช่นที่กระทำกันหรือไม่ เพราะนายกฯ ต้องบริหารราชการแผ่นดิน ไม่ใช่การบริหารบริษัท

นายจตุพร กล่าวว่า การเมืองยังมีอีกหลายปัจจัยต้องพิจารณากัน โดยสัปดาห์หน้าคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) จะพิจารณาการยุบพรรคก้าวไกล ดังนั้น อุณหภูมิการเมืองจะร้อนแรงขึ้น อย่างไรก็ตามหลัง 20 มี.ค.นี้ไป จะเห็นร่องรอยว่าอะไรจะเกิดขึ้นในทางการเมือง ซึ่งมีดีลจะถูกเบี้ยวหรือยึดมั่นไว้ตามที่ตกลงกัน

ส่วนความขัดแย้งกรณีพื้นที่ ส.ป.ก.เขาใหญ่นั้น นายจตุพร กล่าวว่า เป็นเรื่องใหญ่ และยิ่งเป็นสิ่งผิดปกติอย่างมากเมื่อไปจัดสรรที่ ส.ป.ก.ข้ามถนนเข้าหาเขตอุทยานแห่งชาติ และเป็นพื้นหินมากกว่าพื้นดินทำการเกษตรของคนจน เพราะไม่สามารถปลูกอะไรได้เลย นอกจากให้นายทุนมาปลูกต้นรีสอร์ตไว้ต้อนรับนักท่องเที่ยวได้พักผ่อนชื่นชมธรรมชาติป่าเขาใหญ่

“นายกฯ ควรเป็นแกนนำทุกหน่วยงานมาประชุมพร้อมกัน เพื่อวางแผน สั่งงานให้เป็นบูรณาการที่ดินซึ่งมีหลากหลายประเภทให้เกิดความชัดเจนเป็นเอกภาพขึ้น โดยมุ่งหวังต่อการหาที่ดินเพื่อจัดสรรให้คนจนได้มีที่ทำกินและห้ามซื้อขายกันอีก สิ่งสำคัญต้องไม่ไปจัดสรรที่ดินให้คนร่ำรวยไปปลูกต้นรีสอร์ต”

นายจตุพร กล่าวถึงแหล่งพลังงานทับซ้อนกับกัมพูชาว่า การยกสัมปทานแหล่งพลังงานพื้นที่ทับซ้อนให้บริษัทต่างชาติ โดยคนไทยไม่ได้รับรู้ด้วย และยากจะตรวจสอบได้ ทั้งที่จริงแล้ว การให้สัมปทานต้องกำหนดสัดส่วนประโยชน์ของบริษัทกับประเทศที่จะได้รับด้วย แต่ไม่ใช่ให้สัมปทานแล้วประเทศกลายเป็นขอทาน ส่วนผู้อนุมัติให้สัมปทานเป็นคนร่ำรวยมหาศาล

ประเทศไทยต้องมาก่อน